องค์กร Karen Rivers Watch (KRW) ออกรายงานชี้ว่า สงครามครั้งใหม่ในรัฐกะเหรี่ยง ระหว่างกองทัพพม่าและดีเคบีเอ ส่งผลให้มีชาวบ้านต้องอพยพจากบ้านเรือนของตนเองกว่า 2 พันคน ทางด้านองค์กร KRW เรียกร้องไทยอย่าผลักดันชาวบ้านกลับไปในเขตสู้รบในรัฐกะเหรี่ยง
ในรายงานระบุว่า ช่วงวันที่ 7 ถึง 18 ตุลาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุปะทะกันไม่น้อยกว่า 6 ครั้ง ในอำเภอผาอัน เมืองหล่ายบ่วย และในอำเภอผาปูน เมืองบูโท รวมถึงในเมืองโดยโล โดยเป็นการปะทะกันระหว่างทหารพม่าและดีเคบีเอ ทำให้ประชาชนกว่า 2 พันคน ที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตน โดยส่วนใหญ่ยังไม่กล้าเดินทางกลับบ้าน เนื่องจากยังไม่มั่นใจความปลอดภัย
ทั้งนี้ ในรายงานระบุว่า เหตุสงครามเมื่อเร็วๆนี้อาจเป็นแผนกลยุทธ์ของกองทัพพม่าและกองกำลังรักษาชายแดนกะเหรี่ยง( Border Guard Force) โดยการเคลื่อนไหวทางทหารเมื่อเร็วๆนี้เพื่อต้องการยึดเขตดินแดน โดยอาจเชื่อมโยงกับแผนโครงการเขื่อนฮัตจี บนแม่น้ำสาละวิน ในรัฐกะเหรี่ยง
ทั้งนี้ เขื่อนฮัตจีเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลพม่าและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ.) ขณะที่เขื่อนฮัตจี เป็น 1 ใน 6 เขื่อน ที่มีการวางแผนที่จะสร้างบริเวณพรมแดนไทย-พม่า ขณะที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลเขื่อนฮัตจีและเขื่อนอื่นๆที่เตรียมสร้างบนแม่น้ำสาละวินจะกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่ตามแม่น้ำสาละวิน นอกจากนี้ โครงการเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีแผนจะสร้างนั้น ยังตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ชนกลุ่มน้อย ที่ยังคงเกิดสงครามการสู้รบ ซึ่งหลายฝ่ายยังแสดงความกังวลว่าจะตามมาด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวบ้านในพื้นที่จากทหารพม่า
แปลและเรียบเรียงจาก DVB
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น