ระหว่างวันที่ 25 – 27 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมสื่อขึ้นที่เมืองเมาะละแหม่ง รัฐมอญ โดยในที่ประชุมระบุว่า สื่อนั้นถือเป็นกระบอกเสียง เป็นหู เป็นตาให้กับประชาชน และเปรียบเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างประชาชนกับรัฐบาล การสร้างสันติภาพในพม่าจะเกิดขึ้นได้นั้นจะต้องให้สื่อเข้ามีส่วนร่วม
การประชุมสื่อครั้งนี้ใช้ชื่อการประชุมว่า Strengthening of Ethnic Voices (สร้างความเข้มแข็งให้กับกับเสียงของชนกลุ่มน้อย) โดยจัดขึ้นที่โรงแรม Strand Hotel ที่เมืองเมาะละแหม่ง รัฐมอญ ทั้งนี้ มีนายอูอ่องมิ้น รัฐมนตรีประจำรัฐมอญเข้าร่วมกล่าวในการประชุมด้วย นอกจากนี้ยังมีสื่อมวลชนกว่า 90 คน เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งพบมีสื่อพลัดถิ่นหลายสำนักเข้าร่วมด้วย
นายอู่องมิน รัฐมนตรีประจำรัฐมอญกล่าวว่า สื่อนั้นเป็นหู เป็นตา ให้กับทั้งประชาชนและรัฐบาล และเป็นตัวสื่อสารให้ประชาชนได้เห็นถึงแนวคิดของรัฐบาล เปรียบเหมือนสะพานที่อยู่ระหว่างประชาชนและรัฐบาล ซึ่งบางครั้ง สื่อนั้นให้ทั้งผลดีและผลเสียเท่ากัน ทั้งนี้ นายอูอ่องมิ้นกล่าวว่า ให้สื่อทำหน้าที่ต่อไป โดยเฉพาะในด้านที่ทำให้เกิดผลดี
ทางด้านนายไป้ก์ ทวย รองรัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารของพม่าระบุว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่มีนโยบายที่จะแทรกแซงสื่อ และตลอดมาทางรัฐบาลได้สนับสนุนและเผยแพร่เสียงของชนกลุ่มน้อยตามสื่อต่างๆ โดยรองรัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารยังกล่าวว่า ทางรัฐบาลเตรียที่จะเปิดตัวคลื่นวิทยุในภาษาชนกลุ่มน้อยและช่องสถานีโทรทัศน์อีก 3 ช่อง นั่นคือช่องสำหรับชนกลุ่มน้อย ช่องสำหรับสภาและช่องสำหรับเกษตรกร โดยช่องของชนกลุ่มน้อยจะเปิดตัวในวันที่ 1 เดือนกันยายน ในปีนี้
ทางด้านผู้เข้าร่วมการประชุมได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RFA ว่า การจัดประชุมสื่อครั้งนี้ ก็เพื่อพบปะพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้วงการสื่อของชนกลุ่มน้อยได้มีการพัฒนาทัดเทียมกับต่างประเทศ ซึ่งกฎหมายเกี่ยวกับสื่อจะต้องสอดคล้องกับประเทศที่ปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งในเขตพื้นที่ชนกลุ่มน้อย จะต้องมีองค์กรสื่อหลากหลาย รวททั้งสื่อจะต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างสันติภาพในพม่า
นอกจากนี้ ในการประชุมครั้งนี้ ยังมีการพูดถึงความสำคัญของสื่อชนกลุ่มน้อย อีกทั้งประเด็นสื่อพลัดถิ่นชนกลุ่มน้อยจะร่วมมือทำงานกับสื่อในประเทศอย่างไร รวมทั้งมีการพูดคุยว่าจะทำอย่างไรให้บทบาทสื่อชนกลุ่มน้อยมีความเข้มมากยิ่งขึ้นเป็นต้น
ที่มา ข่าวและภาพ เว็บไซต์ข่าวไทใหญ่ www.mongloi.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น