วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กองทัพพม่ายิงปืนใหญ่ใส่โรงเรียนฝึกทหารของ KIA ทหารเสียชีวิต 23 นาย

ทหารคะฉิ่น


ประมาณช่วงเที่ยงเมื่อวันพุธ(19 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา มีรายงานว่า กองทัพพม่าได้ยิงปืนใหญ่ใส่โรงเรียนฝึกทหารของกองทัพ KIA ทำให้มีทหารใหม่เสียชีวิต 23 ราย บาดเจ็บอีก 15 นาย ทางด้านกองทัพพม่าอ้าง ไม่มีเจตนาที่จะก่อเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้



โฆษกของกองทัพเอกราชคะฉิ่น KIA ระบุว่า ทางกองทัพพม่าได้ยิงปืนใหญ่ขนาด 105 มม.ใส่ค่ายฝึกทหารของ KIA “คาราบัม” ใกล้เมืองไลซา เขตควบคุมของ KIA รัฐคะฉิ่น ทำให้มีนักเรียนเตรียมทหาร 20 นาย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อีก 3 นายเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีก 15 ถูกนำส่งโรงพยาบาลไลซา โฆษกของ KIA เปิดเผยว่า ทหารที่เสียชีวิตอายุต่ำกว่า 30 ปี ทั้งหมดได้รับการฝึกเพื่อประจำยังฐานที่มั่นชื่อ “จาว รัง”โดยระบุ เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นการซุ่มโจมตีจากฝ่ายกองทัพพม่า ซึ่งนับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของ KIA นับตั้งแต่ฉีกสัญญาหยุดยิงกับรัฐบาลพม่า


ล่าสุด วานนี้ ทางกองทัพพม่าออกมาอ้างว่า ไม่มีเจตนาที่จะก่อเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ โดยอ้างว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหวังว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่กระทบต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพ โดยกองทัพพม่ายังอ้างว่า ฝ่าย KIA นั้น โจมตีทหารพม่าที่กำลังก่อสร้างถนนใกล้เมืองม่านซี ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุไปทางใต้ 70 กิโลเมตร จึงทำให้ทางทหารพม่าต้องยิงปืนเพื่อตอบโต้และเตือน KIA


อย่างไรก็ตาม โฆษกของ KIA ระบุว่า สิ่งที่กองทัพพม่าออกมากล่าวนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมระบุ กองทัพพม่าเป็นพวกโกหกหลอกลวง ทาง KIA ไม่ได้โจมตีทหารพม่าตามที่กล่าวอ้าง และทางทหารพม่าได้ได้แจ้งต่อ KIA ว่ามีการก่อสร้างถนน โฆษกของ KIA ยังกล่าวว่า การปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงเกิดขึ้น และยังไม่สามารถที่จะตอบได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างทั้งสองฝ่ายหรือไม่ พร้อมได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการลงนามหยุดยิงแล้ว


KIA เป็นอีกหนึ่งชนกลุ่มน้อยติดอาวุธที่ยังไม่ยอมลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลพม่า KIA ฉีกสัญญาหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าที่ทำมาเป็นเวลา 17 ปี เมื่อปี 2554 สงคราม ความขัดแย้งครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นในรัฐคะฉิ่น ทำให้ชาวบ้านนับแสนคนต้องทิ้งบ้านเรือนของตัวเองไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย และกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายใน ขณะที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังสั่นคลอนกระบวนการสร้างสันติภาพและทำลายความเชื่อใจระหว่างกองทัพพม่าและชนกลุ่มน้อย


แปลและเรียบเรียงจาก Irrawaddy/DVB


ขอบคุณภาพจาก AFP

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น