เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ท่ีผ่านมา ทีมเจรจาสันติภาพรัฐบาลซึ่งนำโดยนายอูอ่องมิ้นได้พบหารือเจรจาสันติภาพกับกลุ่ม UNFC หรือ กลุ่มสภาสหพันธรัฐแห่งชาติสหภาพ (United Nationalities Federal Council) ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่ง UNFC ประกอบด้วยกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อย 11 กลุ่ม ขณะที่หัวข้อการหารือกันครั้งนี้ เกี่ยวกับประเด็นวิกฤติความขัดแย้งในรัฐคะฉิ่น การวางกรอบเวลาที่จะหารือทางการเมืองกับชนกลุ่มน้อยในอนาคต รวมไปถึงการหารือถึงประเด็นโครงการช่วยเหลือต่างๆจากรัฐบาลพม่าและต่างชาติที่จะมีผลต่อในพื้นที่ชนกลุ่มน้อย
การหารือครั้งนี้ นับเป็นการหารืออย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยทีมเจรจาสันติภาพจากฝ่ายรัฐบาลพม่านำโดยนายอูอ่องมิ้น และคณะอีก 20 คน ด้านฝ่ายชนกลุ่มน้อยนำโดยไนหงสาและดอกเตอร์ล่าจ่อ รวมถึงคณะอีก 12 คน เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ หลังการหารือ ไนหงสาได้ให้สัมภาษณ์ว่า การหารือครั้งนี้ประสบความสำเร็จและเป็นไปในทางบวกมากขึ้น และได้มีการวางกรอบเวลาที่จะเจรจาทางการเมือง แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลพม่าและชนกลุ่มน้อยจะดำเนินการไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร โดยระบุ จะมีการพบกันอีกรอบภายใน 2 เดือน
ขณะที่อูอ่องมิ้นเปิดเผยว่า ทางทีมเจรจาสันติภาพพม่าเตรียมที่จะพบกับฝ่ายองค์กรเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independence Organization -KIO) องค์กรทางการเมืองของทหารคะฉิ่นภายในอาทิตย์นี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ อูอ่องมิ้นให้สัมภาษณ์ว่า มีสัญญาณที่ดีขึ้นระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายคะฉิ่นแต่ยังไม่ไปถึงขั้นการลงนามหยุดยิง โดยการประชุมระหว่างรัฐบาลและฝ่าย UNFC ในเชียงใหม่ครั้งนี้ มีดร.ลาจ่า เลขาธิการของ KIO เข้าร่วมประชุมด้วย
อีกด้านหนึ่ง เมื่อมีการถามว่า หลังจากนี้ กองทัพพม่าจะถอนกำลังออกจากเขตพื้นที่ชนกลุ่มน้อยตามที่กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยเรียกร้องหรือไม่ ทางอูอ่องมิ้นระบุเพียงว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นทางทหาร ซึ่งจะต้องนำไปหารือกับผู้นำทางทหารต่อไป นอกจากประเด็นทางการเมืองแล้ว ทาง UNFC และรัฐบาลยังได้หารือถึงแนวทางการจัดการกับโครงการพัฒนาและโครงการช่วยเหลือต่างๆทั้งจากรัฐบาลและจากต่างชาติที่จะเกิดขึ้นในเขตควบคุมของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อย 11 กลุ่ม ทั้งนี้ กลุ่ม UNFC ประกอบไปด้วยกลุ่มติดอาวุธเช่น กองทัพรัฐฉาน "เหนือ" SSPP/SSA, กะเหรี่ยง KNU, คะเรนนี KNPP, ปะโอ PNLO, ปะหล่อง SPLF, ลาหู่ LDU , มอญ MNSP, ว้า WNA, ชิน CNF, คะฉิ่น KIA, และอาระกัน ALP
ที่มา Irrawaddy/เว็บไซต์ข่าวไทใหญ่ www.mongloi.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น