วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เยือนเมืองนาย...เล่าเรื่องเมืองยักษ์ที่รัฐฉานตอนใต้ (ตอนที่ 2)

เมืองนาย-ตำนานนางสิบสองกับนางยักษ์


 

[caption id="attachment_5936" align="alignleft" width="228" caption="องค์เจดีย์ที่วัดเจดีย์นางสิบสอง"][/caption]

ระหว่าง 3-4 วันในเมืองนายของฉันคือการเยี่ยมชมวัดวาต่างๆที่เชื่อมโยงกับตำนานของเมืองนาย ดังนั้น จึงอยากเล่าที่มาซึ่งมาจากตำนานนางสิบสองอย่างค่อนข้างละเอียดเสียก่อน ในไทยเองหลายคนคงเคยได้ฟัง ได้อ่าน หรือได้ดูละครจักรๆวงศ์ๆเกี่ยวกับตำนานพื้นบ้านเรื่องนางสิบสอง หรืออาจจำได้ในชื่อว่าพระรถ-เมรี ฉันเพิ่งรู้โดยบังเอิญเหมือนกันว่าที่เมืองไทยก็มีสถานที่เล่าตำนานของนางสิบสองเหมือนกัน ซึ่งเป็นถ้ำนางสิบสองอยู่ที่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งก็น่าจะลองไปเที่ยวดูเหมือนกัน

 

กลับมาที่เมืองนายกับนางสิบสองที่นี่ ฉันขอเล่าเรื่องราวจากตำนานในภาษาไทใหญ่ที่ให้อาจารย์คนไทใหญ่ช่วยอ่านประกอบด้วย ตำนานนี้เป็นเรื่องราวของหญิงสาว 12 คนที่เกิดจากสองผัวเมียผู้มั่งมีในเมืองหนึ่ง ต่อมาแม่ของนางสิบสองตายไป พ่อมีเมียใหม่และถูกเป่าหูว่าไม่สามารถเลี้ยงดูนางสิบสองต่อไปได้ในภาวะข้าวยากหมากแพง เลยถูกพ่อของตัวเองเอาไปปล่อยในป่า จนนางยักษ์แปลงร่างเป็นคนธรรมดามาพบแล้วนำไปเลี้ยงดู แต่ตอนหลังนางสิบสองรู้ว่าเป็นยักษ์ปลอมตัว จึงหนีออกมาด้วยความกลัว จนได้ไปอยู่ในป่าที่เป็นรอยต่อกับเขตเมืองแห่งหนึ่ง จนกระทั่งมีคนเลื่องลือถึงความงามและได้เข้าไปอยู่ในวังเป็นมเหสีของพระราชาในเมืองนั้นในทีสุด

 

[caption id="attachment_5938" align="alignright" width="228" caption="ยอดเจดีย์ที่วัดเจดีย์นางสิบสอง"][/caption]

ต่อมานางยักษ์รู้ข่าวเลยปลอมตัวเป็นหญิงสาวที่สวยกว่าเพื่อให้ได้เข้าไปอยู่ในวังเดียวกับนางสิบสอง เมื่อได้เข้าไปอยู่ในวังแล้วนางยักษ์ต้องการแก้แค้นบวกกับความริษยานางสิบสอง คืนหนึ่งจึงได้ควักดวงตาของทั้งสิบสองคน ยกเว้นคนสุดท้องที่ควักไปได้ข้างเดียว อันนี้เป็นผลกรรมจากการที่นางสิบสองเอาไม้ทะลุตาปลาตอนที่ถูกพ่อเอาไปปล่อยไว้ในป่า และต้องจับปลาหากินเอง ซึ่งมีเพียงนางน้องคนสุดท้องที่ใช้ไม้ทะลุปลาด้านเดียว

 

นางยักษ์ใส่ร้ายว่านางสิบสองเป็นแม่มดควักดวงตาของตนเองออกมา พระราชาเกิดความกลัวจึงให้ทหารเอาไปปล่อยในป่า ทำให้นางสิบสองซึ่งตอนนั้นได้ท้องลูกกับพระราชาแล้วทุกคนต้องหาที่อยู่ พอดีน้องคนสุดท้องไปเจอถ้ำและใช้เป็นที่อยู่อาศัยเรื่อยมา จากนั้นนางสิบสองต้องคลอดและเลี้ยงลูกอยู่ในถ้ำ พี่น้องสิบเอ็ดคนแรกไม่มีอะไรกินจึงต้องกินลูกของตัวเองแทน ยกเว้นลูกที่เกิดจากนางสุดท้องที่รอดมาได้ และได้เติบใหญ่เลี้ยงดูแม่กับป้าด้วยการเล่นทอยลูกข่างเพื่อเอาข้าว 12 ห่อ จนได้ไปแข่งในวัง ทำให้นางยักษ์รู้ว่าเด็กชายคนนี้เป็นหนึ่งในลูกของนางสิบสอง

 

ความช่วงนี้เป็นช่วงที่เกิดตำนานพระรถเมรีคือช่วงที่นางยักษ์ต้องการกำจัดลูกของนางสิบสอง จึงเขียนสาส์นให้ลูกของนางสิบสองถือไปยังเมืองยักษ์ที่ลูกสาวของเธออยู่ โดยให้จับกินเสีย แต่ลูกชายนางสิบสิบสองระหว่างเดินทางดันไปหลับอยู่ข้างที่พักของฤษีตนหนึ่ง ซึ่งในตำนานบอกไว้ว่าห่างจากเมืองนายประมาณ 3 กิโลเมตร ทำให้ฤษีแปลงสารให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน และตำนานเมืองนายบอกว่าบริเวณนี้ถูกเรียกว่า หลอยแต้ม ซึ่งแปลว่า ดอยเขียน จากนั้นเป็นต้นมา

 

[caption id="attachment_5940" align="aligncenter" width="641" caption="ตำนานเรื่องนางสิบสองที่วาดและเล่าด้วยภาษาไทใหญ่ติดอยู่กับฝาผนังวัด"][/caption]

และเมื่อเดินทางไปถึงที่เมืองของลูกนางยักษ์ก็ได้แต่งงานกัน ไม่นานลูกชายนางสิบสองรู้ความจริงเมื่อไปพบดวงตาของแม่และป้าในที่เก็บแห่งหนึ่ง จึงได้หนีนางยักษ์ออกมาในคืนที่ดื่มเหล้าเมามาย ทำให้ลูกนางยักษ์ไล่ตามด้วยความรักจนอกแตกตาย จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาพิสูจน์ให้พระราชารู้ความจริงว่านางยักษ์ไม่ใช่หญิงสาวสวย ลูกนางสิบสองใช้ธนูที่ได้มาจากเมืองลูกสาวนางยักษ์จนร่างกายของนางยักษ์แตกสลาย จึงมีการนำเอาชิ้นเนื้อและกระดูกใส่เกวียนไปทิ้งนอกเมือง แต่กระดูกตกระหว่างทางทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นชื่อ หลอยเฮ่ หรือ ดอยหก หรือ ตก ซึ่งก็หมายถึงเนื้อและกระดูกหกนั่นเอง ปัจจุบัน ดอยเฮ่เรียกเพี้ยนกลายเป็น ดอยเหว่ะ

 

[caption id="attachment_5944" align="aligncenter" width="642" caption="ศาลนางสิบสองที่คนมาสักการะด้วยของสวยงาม 12 ชิ้นตามตำนาน"][/caption]

ตำนานนี้คือที่มาของชื่อเมืองนาย อันเพี้ยนมาจากคำว่าเมืองพาย ซึ่งคำว่า “พาย” แปลว่า “ยักษ์” ทำไมถึงเมืองนายถึงเป็นเมืองยักษ์ ก็ด้วยตำนานที่เล่าไปข้างต้นว่าเหตุการณ์นี้เกิดในเมืองนาย หรือบางสถานที่ก็ใกล้กับเมืองนาย และด้วยประสบการณ์ของตนเองและจากข้อมูลจากนิพัทพร เพ็งแก้ว ในงานเขียนเรื่อง “ชื่อเมืองไทใหญ่” ก็สอดคล้องต้องกันว่าคนไทใหญ่มีความเชื่อว่าเมืองนายเป็นสถานที่จริงของตำนานนางสิบสอง

 

[caption id="attachment_5952" align="alignleft" width="371" caption="ไม้มือเสือที่มีรูปร่างคล้ายมือของนางยักษ์"][/caption]

เหตุใดจึงเชื่ออย่างนั้น สถานที่แรกคือวัดเจดีย์นางสิบสอง ที่นี่เป็นจุดที่นางสิบสองถูกนำมาขังไว้ในถ้ำ โดยที่ด้านหนึ่งของหน้าผาปรากฏลายนิ้วมือของนางยักษ์ ซึ่งน่าเสียดายว่าตอนที่ฉันไปยังวัดแห่งนี้นั้น ตรงบริเวณที่เป็นรอยมือของนางยักษ์มีต้นไม้รกคลึ้มจึงไม่สะดวกที่จะลงไปถ่ายภาพได้ แต่โชคดีว่าได้ลงไปในบริเวณที่เป็นถ้ำซึ่งเป็นจุดที่คนเชื่อว่าลูกของนางสิบสองมักมาเล่นตีกลองหรือฆ้องที่นี่

 

ปัจจุบันกลายสภาพเป็นหินที่ย้อยลงมาจากถ้ำไปแล้ว คนเมืองนายเชื่อโดยทดสอบด้วยการเอาไม้มาตีที่รอยหินดังกล่าว และเสียงที่ได้ยินนั้นเหมือนกับเสียงกลองหรือฆ้องที่ลูกชายของนางสิบสองเคยมาเล่นไว้ ทุกวันนี้หากใครได้ไปเที่ยวที่นี่จะต้องลองเอาไม้ตีกับหินเพื่อฟังเสียงสะท้อนในถ้ำที่ประดุจดังเสียงเครื่องดนตรีกันทุกคน

 

[caption id="attachment_5954" align="alignright" width="545" caption="เจดีย์ดอยเหวะ"][/caption]

ในตำนานสถานที่นี้คือถ้ำ แต่ทุกวันนี้เป็นวัดเจดีย์นางสิบสองที่คนมาสักการะกราบไว้ ในช่วงที่ฉันได้เดินทางไปนั้น ได้มีโอกาสโอภาปราศรัยกับเจ้าอาวาสคนปัจจุบันด้วยในฐานะที่เป็นแขกที่มาจากเมืองไทยอย่างเป็นทางการคนแรก เจ้าอาวาสบอกว่าคนเมืองนายเชื่อว่ามีจริงซึ่งอาจจะขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ แต่กระนั้นตรงนี้ก็เป็นสถานที่ที่คนมาเคารพบูชา ซึ่งก็คงห้ามไม่ให้เขาเชื่อไม่ได้

 

ความเชื่อตรงนี้สะท้อนให้เห็นผ่านศาลที่คนสร้างขึ้นมากราบไหว้นางสิบสองก่อนทางขึ้นไปยังเจดีย์ ซึ่งคนมักนิยมเอาของสวยๆ งามๆ สิบสองชิ้นมาสักการะเช่น ลิปสติก โบว์ผูกผม หรือยาทาเล็บ และของเล่นเด็กสำหรับลูกของนางสิบสอง พร้อมกับกราบไหว้ขอพรและความรุ่งเรืองในชีวิตการงาน ส่วนด้านบนที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปคือเจดีย์ซึ่งปัจจุบันคือสถานที่ที่คนมาไหว้สักการะในฐานะที่เป็นเจดีย์ ไม่ใช่แค่ถ้ำที่ตามตำนานอย่างเดียว บนยอดเจดีย์เราจะเห็นสถาปัตยกรรมการสร้างวัดแบบที่เห็นในพม่า

 

[caption id="attachment_5946" align="alignleft" width="498" caption="อีกมุมสูงของเมืองนายที่แสดงให้เห็นถึงความหนาแน่นของบ้านเรือน"][/caption]

นอกจากวัดเจดีย์นางสิบสองอันมีความสำคัญนี้แล้ว ฉันได้ไปสักการะเจดีย์ดอยเหว่ะ ที่เพี้ยนมาจากคำว่าเหะที่แปลว่า “หกหรือตก” ก็เชื่อมโยงกับเรื่องของนางสิบสองอีก เพราะคนเมืองนายเชื่อว่าหลังจากที่นางยักษ์ถูกปราบและฆ่าตายแล้ว คนเอากระดูกของนางยักษ์ไปทิ้งนอกเมือง แต่ระหว่างการเดินทางกระดูกของนางยักษ์บางส่วนดันตกตรงบริเวณดังกล่าวเสียก่อน ทำให้เป็นจุดสร้างเจดีย์ดอยเหวะเป็นต้นมา และอีกที่หนึ่งคือ หนองแคว ซึ่งแควแปลว่า “คาวเลือด” เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อที่ว่านางยักษ์เมื่อกินคนเสร็จแล้วก็จะไปล้างหน้าล้างปากเพื่อเอาคาวเลือดออกที่หนองดังกล่าว แต่เสียดายว่าฉันไม่ได้ไปที่หนองแคว ได้แต่เพียงถ่ายรูปจากมุมสูงลงมา ที่ทำให้เห็นหนองแควอยู่ถัดออกไปเล็กน้อยจากพื้นที่ตั้งที่เป็นเขตเมืองของเมืองนาย

 

นอกจากสถานที่หลักๆดังกล่าว หลักฐานเล็กๆน้อยๆอย่างต้นไม้มือเสือ ซึ่งเมื่อหักตรงข้อออกแล้วปลอกเอาเปลือกด้านนอก ก็จะเห็นรูปทรงของแกนไม้เหมือนมือของนางยักษ์ ซึ่งวันที่ฉันเยือนเมืองนายนั้น คนที่เอาต้นไม้นี้มาแสดงให้ดู หักก้านมันออกมาจากต้นที่ขึ้นอยู่ข้างตัวเจดีย์นางสิบสอง และเพื่อนของฉันที่เกิดในเมืองนายเองก็สำทับความเชื่อนี้ด้วยว่า ให้ลองสังเกตดูผู้หญิงเมืองนายนั้นจะมีดวงตาสองข้างไม่เท่ากัน อันนี้เป็นเพราะสาวเมืองนายถูกนางยักษ์ควักตาไปเหมือนนางสิบสองแล้วเมื่อเอาตามาใส่เบ้าเข้าที่เดิม ก็หยิบใส่ผิดใส่ถูกไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ซ้ายขวาสลับมั่วกันไปหมด

 

เรื่อง/ภาพ โดย นางยุ่มแล้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น