มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลพม่าได้ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวต่อแถลงการณ์ของยูเอ็นก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า มีการฆ่าสังหารชาวมุสลิมโรฮิงยาจำนวน 48 คน ทางภาคเหนือของรัฐอาระกันเมื่อเร็วๆนี้ โดยข้อมูลนี้ยูเอ็นระบุว่า ได้มาจากรายงานที่เชื่อถือได้ ขณะที่รัฐบาลพม่าระบุว่า แถลงการณ์ของยูเอ็นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
แถลงการณ์ของยูเอ็นถูกเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (24 มกราคม) ที่ผ่านมา ในกรุงนิวยอร์ก โดยนางเนวี พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ยังเรียกร้องให้มีการสอบสวนกรณีที่ได้รับรายงานว่า มีการสังหารชาวโรฮิงยาในหมู่บ้าน ดู ชี ยา ทาน ในเมืองมงดอว์ รัฐอาระกัน จำนวน 48 คน อย่างเร่งด่วน
ในแถลงการณ์ของยูเอ็นระบุว่า ได้รับรายงานที่เชื่อถือได้ โดยเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในรัฐอาระกันล่าสุด มาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกจับตัวในหมู่บ้าน ดู ชี ยา ทาน และหายตัวไป ซึ่งเชื่อว่าถูกฆ่าตายโดยชาวโรฮิงยา เป็นเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวพุทธยะไข่ไม่พอใจ จึงโจมตีชาวโรฮิงยาในหมู่บ้าน ดู ชี ยา ทาน ในวันเดียวกัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน ซึ่งมีทั้งผู้หญิงและเด็กรวมอยู่ด้วย
ทางด้านรัฐบาลพม่าได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง
เย ทุต โฆษกจากสำนักประธานาธิบดีพม่ากล่าวว่า การกระทำของยูเอ็นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และแถลงการณ์ดังกล่าวของยูเอ็นยิ่งจะทำให้สถานการณ์ทางภาคตะวันตกของพม่าเลวร้ายมากยิ่งขึ้นด้วย และจะทำให้ยูเอ็นหมดความน่าเชื่อถือ โดยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า รายงานที่ออกมาต้องการที่จะทำลายชื่อเสียงของรัฐบาลพม่า
ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงยาและชาวพุทธยะไข่เกิดขึ้นมานับตั้งแต่กลางปี 2555 ความขัดแย้งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและทำให้ประชาชนอย่างน้อย 140,000 คนต้องไร้ที่อยู่ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรฮิงยา ขณะที่นายฉ่วยหม่าน โฆษกของสภาล่างกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ยังไม่ได้รับรายงานใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงไม่สามารถนำเรื่องนี้ไปหารือในรัฐสภาได้
ที่มา Irrawaddy
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น