วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

ทางการพม่าอ้าง การค้ามนุษย์ลดลงในปี 56

21054-Trafficking_1


เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ของพม่าได้ออกมาเปิดเผยว่า ในปี 2556 ที่ผ่านมา มีเหยื่อการค้ามนุษย์ทั้งหมด 102 คน โดย 59 คน ถูกล่อลวงไปขายยังประเทศจีน และ 21 คนถูกขายในประเทศไทย นอกจากนี้ 22 คน ตกเป็นเหยื่อกระบวนการค้าในประเทศ โดยระบุ การค้ามนุษย์ในปี้นี้ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา โดยเหยือส่วนใหญ่มาจากตะวันออกของรัฐฉาน



พันโทมิ้นหน่าย จากสำนักงานตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ในกรุงเนปีดอว์เปิดเผยว่า มากกว่าครึ่งของเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ถูกบังคับให้แต่งงาน โดย 24 คนถูกบังคับให้ค้าประเวณี และอีก 20 คนถูกบังคับและขายให้เป็นทาส โดยพันโทมิ้นหน่ายระบุว่า สถิติการค้ามนุษย์ในปี 2556 นั้นลดลงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากการปรับปรุงของภาครัฐตามแนวชายแดน


 อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการเปิดเผยของทางเจ้าหน้าที่ ทางด้านองค์กรสตรีดาระอั้ง (Palaung Women’s Organisation - PWO) กลับไม่เห็นด้วย โดยระบุ ตัวเลขเหยื่อค้ามนุษย์ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “เรายังไม่เห็นว่า ตัวเลขเหยื่อค้ามนุษย์ลดลง ในทุกหมู่บ้านของชาวดาระอั้ง จะพบว่า มีกรณีที่ตกเป็นเหยือของกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ 4- 5 ราย” ดี ดี โพ ไจน เลขาธิการ PWO กล่าว


นอกจากนี้ ยังเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัญหาการค้ามนุษย์นั้นแทบจะส่งผลกระทบต่อทุกหมู่บ้านในภาคเหนือของรัฐฉาน เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นพื้นที่มีการปลูกฝิ่นและเป็นพื้นที่สู้รบระหว่างทหารพม่าและกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม โดย ดี ดี โพ ไจน ระบุว่า ถึงแม้มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกมาว่า การค้ามนุษย์ในพม่านั้นลดลง แต่ก็ยังพบว่า การค้ามนุษย์นั้นยังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อประชาชนในรัฐฉาน โดยเฉพาะหญิงสาว


“เนื่องด้วยเหตุผลปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชาวดาระอั้ง ปัญหาความขัดแย้งการสู้รบ และปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ได้บีบบังคับให้ชาวบ้านต้องทิ้งหมู่บ้านของพวกเขา” ดี ดี โพ ไจน กล่าว


สอดคล้องกับรายงานขององค์กรสตรีคะฉิ่นแห่งประเทศไทย หรือ KWAT เมื่อเดือนมิถุนายนของปีที่แล้ว โดยในรายงานระบุว่า สงครามระหว่างทหารพม่าและทหารคะฉิ่น ส่งผลให้ชาวบ้านในรัฐคะฉิ่นข้ามชายแดนไปยังประเทศจีนมากยิ่งขึ้น เปิดช่องโหว่ให้มีการค้ามนุษย์รุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน


ที่มา DVB/ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ Irrawaddy

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น