สำนักข่าว DVB รายงานเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่าผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยตามชายแดนไทย -พม่าต่างรู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับท่าทีของเจ้าหน้าที่ไทยที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับการสำรวจและเก็บข้อมูลในค่ายผู้ลี้ภัยเมื่อเร็วๆนี้โดยผู้ลี้ภัยบางส่วนกังวลกลัวจะถูกส่งกลับพม่า
ซอว์ออเนส (Saw Honest) ผู้นำค่ายผู้ลี้ภัยแม่หละซึ่งเป็นค่ายผู้ลี้ภัยพม่าที่ใหญ่ที่สุดในไทยเปิดเผยว่าทางเจ้าหน้าที่ไทยได้เริ่มมีการสำรวจและเก็บข้อมูลประชาชนที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยแม่หละแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมาโดยเจ้าหน้าที่ได้ออกบัตรประจำตัวให้กับผู้ลี้ภัยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มโดยผู้ลี้ภัยที่เลขบัตรขึ้นต้นด้วย 020 021 และ 026 ซึ่งเป็นเลขบัตรจาก UNHCR ก็จะได้รับบัตรประจำตัวเป็นสีเขียวเข้มและผู้ลี้ภัยที่เลขบัตรขึ้นต้นด้วย 70 และ 71 ก็จะได้รับบัตรประจำตัวสีเขียวอ่อนส่วนผู้ลี้ภัยที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ UNHCR ก็จะได้รับบัตรประจำตัวเป็นสีแดงนอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปรายชื่อสมาชิกครอบครัวทั้งหมดของผู้ลี้ภัยรมมถึงเอกสารที่ทาง UNHCR ออกให้กับผู้ลี้ภัยเป็นต้น ทางซอว์ออเนสกล่าวว่าได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ทางการไทยแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆเกี่ยวกับการดำเนินการครั้งนี้
ทางด้านนอว์โบ่ยะอีกหนึ่งผู้ลี้ภัยจากค่ายผู้ลี้ภัยอุ้มเปี้ยมเปิดเผยว่าท่าทีและการดำเนินการที่ไม่ชัดเจนของเจ้าหน้าที่ไทยกำลังเติมเชื้อไฟให้เกิดความกังวลใจในหมู่ผู้ลี้ภัยว่าจะถูกส่งกลับพม่า “เรากำลังกังวลใจว่าเราอาจจะถูกส่งกลับพม่าใน 1 ปีนี้ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ข้อมูลใดๆเกี่ยวกับการสำรวจเก็บข้อมูลผู้ลี้ภัยในครั้งนี้เลย” นอว์โบ่ยะกล่าว อีกหนึ่งผู้ลี้ภัยนอว์คูโทยกล่าวว่าเขายังไม่ต้องการที่จะกลับพม่าในเร็วๆนี้โดยอ้างว่าเนื่องจากไม่มีการรับประกันความปลอดภัยเมื่อเขากลับไป
ทั้งนี้มีผู้ลี้ภัยมากกว่า 130,000 คนจากพม่าอาศัยอยู่ตามค่ายผู้ลี้ภัยทั้ง 9 แห่งตามชายแดนไทย -พม่า พวกเขาต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานเดิมเนื่องจากสงครามระหว่างกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยและกองทัพพม่าโดยพบว่ามีผู้ลี้ภัยบางส่วนได้อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยเป็นเวลาเกือบ 30 ปี
ที่มา DVB
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น