วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

การจากไปของ "อูวินติ่น" นักโทษการเมืองที่ถูกจองจำยาวนานที่สุดในพม่า

U Win Tin 11

ในเวลานี้ พม่ากำลังโศกเศร้ากับการจากไปของ "อูวินติ่น"นักเขียนและผู้นำกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตย วัย 85 ปี ด้วยภาวะไตวาย เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา

อูวินติ่น เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อฉบับหนึ่งในช่วงปี 1960 และมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเผด็จการทหาร นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสันนิบาตประชาธิปไตยพม่า หรือ เอ็นแอลดี ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของนางอองซาน ซูจี สัญญลักณ์ของประชาธิปไตยที่ทั่วโลกรู้จัก

จากนั้นในปี 1989 เขาถูกจับกุมและถูกจำคุกถึง 19 ปี กลายเป็นนักโทษการเมืองที่ถูกจองจำเป็นระยะเวลายาวนานที่สุด ในขณะที่นางอองซาน ซูจีถูกกักบริเวณในบ้านพัก แต่ อูวินติ่น ต้องอยุ่ในคุกที่รัฐบาลสร้างไว้ขังสุนัข

ในขณะที่อยู่ในคุก เขายังคงทำงานเขียน โดยใช้แท่งไม้ไผ่แทนปากกา และผงอิฐเป็นน้ำหมึก ในปี 1996 เขาถูกเพิ่มระยะเวลาจำคุกต่ออีก 7 ปี หลังจากแอบส่งรายงาน 83 หน้าให้กับยูเอ็น ซึ่งเกี่ยวกับสภาพย่ำแย่ในคุกพม่า และการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐบาลทหารพม่า โดยมีนักโทษร่วมลงชื่อจำนวน 115 คน

และเนื่องจากเขาไม่ยอมร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เขาจึงถูกทำร้ายร่างกายเป็นประจำและถูกปฏฺเสธไม่ให้รับการรักษาพยาบาล ถึงแม้สุขภาพจะทรุดลง แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดที่จะต่อสู่เพื่อประชาธิปไตย

อูวินติ่น ได้รับการปล่อยตัวเมื่อปี 2008 แต่เขาปฏิเสธไม่รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดี เนื่องจากไม่ยอมรับว่า รัฐบาลที่มีทหารหนุนหลังเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรม หลังจากได้รับอิสรภาพแล้ว เขาก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ที่ยังคงสวมเสื้อนักโทษสีน้ำเงินอยู่ตลอดเวลา เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ข้างนักโทษการเมืองคนอื่นๆ

อูวินติ่นถือเป็นผู้ที่ยึดมั่นอุดมการณ์และเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวเพื่อประขาธิปไตยคนหนึ่ง และนี่เป็นเหตุผลที่รัฐบาลพม่าถึงจำคุกเขาเป็นเวลายาวนานเกือบยี่สิบปี เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เขาเป็นคนหนึ่งที่ยังคงมีความเคลือบแคลงต่อการเปลี่ยนแปลงของพม่าที่เกิดขึ้น รวมถึงการตัดสินใจของนางอองซาน ซูจี และพรรคเอ็นแอลดีที่เข้าร่วมในการเลือกตั้งและเข้าร่วมในกระบวนการของรัฐสภาด้วย

ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า อองซาน ซูจี "ต้องการผลักดันให้กองทัพเข้ามาที่ทะเลสาบกันดอว์จี(ใจกลางเมืองย่างกุ้ง)" ในขณะที่ประชาชนอยากจะขับไล่พวกนายพลเหล่านั้นออกไปยังอ่าวเบงกอล ถึงจะวิพากษ์วิจารณ์นางอองซาน ซูจีค่อนข้างหนัก แต่เขาก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และมองว่าเธอเป็นนักการเมืองที่สามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นในประเทศได้

มีรายงานว่า อูวินติ่นมีความประสงค์ที่จะให้มีการฝังศพโดยเร็ว แต่อาจจะยากเพราะหลายคนและหลายองค์กรต่างก็ต้องการที่จะมาเคารพศพของเขา แม้แต่รัฐบาลเองก็ทราบดีถึงการเสียสละต่อประเทศชาติของเขา

"เรามีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกับวินติ่น แต่เราก็ถอดหมวกเพื่อเคารพในสิ่งที่เขาทำตามความศรัทธาของเขาและเพื่อความเสียสละของเขา แม้ว่าเราจะม่เห็นด้วยกับเขา เราก็ทราบดีถึงความตั้งใจที่ดีของเขาเพื่อให้ประเทศชาติก้าวหน้า มีประชาธิปไตย เจริญก้าวหน้า ตามแบบที่เขาเชื่อ" เย ทุต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงข้อมูลข่าวสาร กล่าว

อองซอว์ จากนิตยสารอิระวดี เรียก อูวินติ่นว่า แสงไฟนำทางแห่งการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย "วินติ่นเป็นคนที่กระตือรือร้น วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลโดยไม่หยุดยั้งจนถึงวาระสุดท้าย โดยตั้งใจที่จะโค่นล้มทุกอย่างที่เป็นอุปสรรคบนถนนสู่ประชาธิปไตย หากปราศจากแสงไฟนำทางจากเขาแล้ว ก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยจะจัดการกับอุปสรรคต่างๆ ที่อยู่ข้างหน้าระหว่างทางของการเปลียนแปลงไปสู่ประชาธิปไตยที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างไร ซึ่งยังคงมีหมาป่าหลายตัวที่สวมชุดแกะ"

เคย์ มาสเตนบรูค ผู้ทำภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับอูวินติ่น ในความทรงจำของเขา อูวินติ่น คือ นักเคลื่อนไหวผู้ที่ไม่ประนีประนอม "สำหรับผม หนังเล่าเรื่องของชายคนหนึ่มผู้ที่มีจิตใจแน่วแน่และเป็นอิสระ ที่กล้าที่จะพูดว่า "ไม่" ในขณะที่คนอื่นบอก "ใช่""

หลายคนต่างระลึกถึงคุณงามความดีของอูวินติ่นและได้รับแรงบัลดาลใจจากความคิด การกระทำ และความตั้งใจทำตามหลักการของเขา จุดยืนทางการเมืองอันเด็ดเดี่ยวของเขาจะยังคงส่งผลอย่างมากต่อกลุ่มต่อต้านและการเมืองพม่าต่อไป
จาก The Legacy of Writer and Activist Win Tin โดย Mong Palatino / thediplomat.com 24 เมษายน 2557

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น