วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ยูนิเซฟในพม่า กับ ค่าเช่าสำนักงาน "ปีละ30ล้าน"!

 

[caption id="attachment_7512" align="aligncenter" width="610"]สำนักงานยูนิเซฟในย่างกุ้ง สำนักงานยูนิเซฟในย่างกุ้ง[/caption]

ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องค่าเช่าสำนักงานของ ยูนิเซฟในกลางเมืองย่างกุ้งที่สูงถึงเดือนละเกือบ 87,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2.6 ล้านบาท นับเป็นข่าวที่ร้อนแรงข่าวหนึ่งไม่แพ้เรื่องการเมืองของประเทศข้างบ้านเลยทีเดียว

สำนักข่าวอิระวดีรายงานว่า สำนักงานของกองทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ตั้งอยู่บนถนนอินยา มเยง ในเขตบาฮาน มีอาณาเขต 33,000 ตารางฟุต โดยเจ้าของอาคารคือ นายญุ่นติ่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ในสมัยรัฐบาลเผด็จการทหาร

เอเชียไทม์รายงานเมื่อเดือนกรกฎาคม 2005 ว่า ญุ่นติ่นและบุตรชายถูกจับกุมเนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการปลอมแปลงใบอนุญาตนำเข้าส่งออก มูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์ โดยร่วมกับรัฐมนตรีหลายคน รวมทั้งธนาคาร Myanmar Economic Bank และบริษัท Myanmar Economic Holdings Limited โดยได้ยึดรถยนต์ที่ลักลอบนำเข้ามากกว่า 30 คัน กล่องบรรจุทองคำและอัญมณีอีกหลายกล่อง เขาถูกจับกุมอยู่ไม่นานก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา โดยก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมเพียงหนึ่งปี เขาได้สร้างคฤหาสน์หรูในทำเลทองในย่างกุ้ง ซึ่งเพื่อนบ้านเปิดเผยว่ามีการประดับด้วยทองคำ ทับทิม ไข่มุกและอัญมณีมีค่าบนฝาผนัง ซึ่งไม่ทราบได้ว่าเป็นบ้านหลังเดียวกันกับที่ยูนิเซฟเช่าหรือไม่

ก่อนหน้านี้ สำนักงานของ ยูนิเซฟ เคยเช่าอยู่ในโรงแรมเทรดเดอร์(ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น สุเหล่ แชงกรีลา) โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว สนนนราคาค่าเช่าอยู่ที่ 45,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ก่อนที่จะย้ายออกมาอยู่ที่ใหม่เนื่องจากโรงแรมมีจำนวนลูกค้านักท่องเที่ยวเยอะขึ้น

ในปีหนึ่ง ยูนิเซฟจะต้องใช้จ่ายเงินค่าเช่า 1.04 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 31 ล้านบาท ในขณะที่ค่าเช่าคงที่ของสำนักงานมีสัญญาระยะเวลา 7 ปี นั่นหมายความว่าใน 7 ปี ยูนิเซฟจะหมดงบประมาณไปกับค่าเช่าถึง 7.28 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทย 218 ล้านบาท ทั้งนี้ระยะเวลาเช่าอาจจะนานกว่านั้น

ด้านยูนิเซฟเองก็ได้ออกมายอมรับว่าเป็นราคาที่สูงและให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องเช่าในราคานี้เพราะไม่มีตัวเลือกและเงื่อนไขที่ดีกว่านี้แล้ว

จะเห็นว่า เงินจำนวนดังกล่าว ไม่ใช่แค่สร้างจะสำนักงานของตัวเองได้สบายๆ เท่านั้น แต่สร้างเมืองได้ทั้งเมืองเลยทีเดียว แน่นอน กระแสความไม่พอใจจากหลายฝายจึงเกิดขึ้น เพราะยูนิเซฟ เข้ามาในพม่าเพื่อช่วยเหลือเด็ก แต่ก็กำลังจ่ายโบนัสให้กับอดีตนายพลด้วยงบประมาณมหาศาลในรูปแบบของค่าเช่าด้วยเช่นกัน

อองซอว์ บรรณาธิการนิตยสารอิระวดี ระบุในสื่อออนไลน์ว่า "ผมเชื่อว่าลูกๆ ของ ญุ่นติ่น คงกำลังขับพอร์ชกับแลนด์โรเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุด และมีอพาร์ตเมนต์สุดหรูอยู่ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ที่อ้าแขนรับบรรดานายพลพม่า พ่อค้ายา และผู้มีอิทธิพลทั้งหลายให้มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ มาพักห่อนหย่อนใน หรือ มารักษาตัวในยามเจ็บป่วย "

"ทุกวันนี้ ผมคิดว่าญุ่นติ่นคงจะอ้าแขนรับการเปิดประเทศเป็นอย่างดี และชมเชยประธานาธิบดีเต็งเส่งว่าทำงานได้ดีมาก ผมจินตนาการว่าเขาอาจจะพูดว่า 'ผมร่ำรวยกว่าเดิม อย่าลืมพาเพื่อนๆ จากยูเอ็นมาอีกเยอะๆนะ!' "

นับตั้งแต่พม่าเปิดประเทศเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา บรรดาองค์กรที่ความช่วยเหลือจากต่างประเทศต่างก็แห่เข้าไปเปิดสำนักงานในพม่าเพื่อช่วยเหลือพม่าในด้านต่างๆ หลายองค์กร ไหนจะบรรดาบริษัทต่างชาติที่พากันเข้าไปลงทุนในพม่า สถานทูตต่างประเทศ ในขณะที่พม่ายังไม่มีความพร้อมเรื่องสถานที่ ทำให้ขาดแคลนสถานที่สำหรับใช้เป็นสำนักงานที่มีคุณภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในพม่าก็หนีไม่พ้นบรรดาอดีตนายทหารในกองทัพและเครือญาติหรือนักธุรกิจที่มีส่วนพัวพันกับยาเสพติดและมีความใกล้ชิดกับทหารพม่า บวกกับราคาอสังหาริมทรัพย์และค่าเช่าในเมืองใหญ่อย่างย่างกุ้งที่พุ่งสูงขึ้น จนจะเทียบเท่าเมืองใหญ่ระดับโลกอย่างนิวยอว์ก หรือ ฮ่องกง ทำให้องค์กรต่างประเทศเหล่านั้นต้องยอมจ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

[caption id="attachment_7513" align="aligncenter" width="610"]บ้านพักทูตอียูในย่างกุ้ง บ้านพักทูตอียูในย่างกุ้ง[/caption]

นอกเหนือจากยูนิเซฟแล้ว บรรดาหน่วยงานจากยูเอ็น อย่าง องค์การอนามัยโลกก็ไม่แพ้กัน ออกมายอมรับว่าได้เช่าสำนักงานในย่างกุ้งในราคาเดือนละ 79,000 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 2.3 ล้านบาท ในขณะที่อียู หรือสหภาพยุโรปในพม่าก็ได้เช่าสำนักงานที่ เลดั่นเซ็นเตอร์ และบ้านพักรับรองของทูตในย่างกุ้ง ซึ่งอียูปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า บ้านพักรับรองของทูตอียูที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบอินยาเป็นของครอบครัของนายพลเนวิน อดีตผู้นำเผด็จการพม่า

ด้านโครงการร่วมยูเอ็นเพื่อช่วยเหลือด้านเอชไอวี/เอดส์ หรือ UNAIDS ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เล็กลงมา ก็ออกมาเปิดเผยว่าได้เช่าสำนักงานในเขตกามายุตในราคา 11,500 ต่อเดือน (345,000 บาท) ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ อีกสองหน่วยงาน ในขณะที่หน่วยงานความร่วมมือด้านมนุษยธรรมได้เช่าสำนักงานเดือนละ 12,000 ดอลลาร์(360,000 บาท) สำหรับเจ้าหน้าที่ 30 คนในเขตบาฮาน

ในส่วนขององค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากหน่วยงานของยูเอ็นต่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเช่าสถานที่จากอดีตนายทหารในรัฐบาลเผด็จการชุดเก่าเช่นกัน

จ่อลินอู ผอ.Myanmar People Forum Working Group กล่าวว่าย่างกุ้งกำลังขาดแคลนในเรื่องสถานที่และราคาค่าเช่าที่พุ่งสูงขึ้นทำให้องค์กรระหว่างประเทศไม่มีตัวเลือกมากนัก

"บ้านเช่าในทำเลดีๆ ในย่างกุ้ง ส่วนใหญ่มีเจ้าของเป็นอดีตนายทหารและผู้มีอิธิพล องค์กรระหว่างประเทศส่วนใหญ่ก็ต้องเช่าบ้านเหล่านั้น ไม่มีทางเลือก เงินที่ใช้สำหรับช่วยเหลือก็ต้องเข้ากระเป๋าทหารเหล่านั้นไป คนรวยก็กำลังรวยขึ้นไปอีก"

 

สุดท้ายนี้ ผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือในพม่าจะได้รับประโยชน์จากองค์กรเหล่านี้มากน้อยเพียงใดอาจต้องรอดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ เงินจากองค์กรเหล่านั้นกำลังไหลเข้ากระเป๋าคนกลุ่มหนึ่งเห็นๆ ซึ่งคนเหล่านี้ก็เป็นคนกลุ่มเดียวที่พวกเขาเคยต่อต้าน เคยคว่ำบาตร และที่สำคัญเป็นต้นเหตุของการบริหารประเทศผิดพลาดในทุกด้านจนทำให้พวกเขาต้องมาที่นี่ นั่นเอง

 

 

ข้อมูลจาก Unicef Confirms $87,000-a-Month Rent for Rangoon Office /Rangoon Rental Costs in the Spotlight After Unicef Outcry / Unicef and the Extortionate Price of Saving Burma’s Children
irrawaddy.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น