วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยร่วมมือกับญี่ปุ่นหาศพทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตสงครามโลกครั้งที่ 2



มีรายงานว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สภาสหพันธรัฐแห่งชาติสหภาพ หรือ UNFC (United Nationalities Federal Council )-UNFC ซึ่งประกอบด้วย 11 กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยได้ตกลงกับมูลนิธิมูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาไทย-ญี่ปุ่น (Thai-Japan Education Development Foundation -TJEDF) เพื่อที่จะร่วมมือกันหาศพของทหารญี่ปุ่นที่มาเสียชีวิตในพม่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยพบว่า ยังมีร่างของทหารญี่ปุ่นอีกกว่า 45,000 คนที่ยังหาไม่พบ

 



นายโทโมฮารุ เอบีฮาระ ประธานของมูลนิธิ TJEDF ระบุว่า ทางกลุ่มจะเริ่มสัมภาษณ์ชาวบ้านท้องถิ่นในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยที่คาดว่าจะมีศพของทหารญี่ปุ่น โดยจะเริ่มสัมภาษณ์ในเดือนมีนาคมนี้ โดยทางญี่ปุ่นคาดหวังอย่างมากว่าจะสามารถค้นเจอร่างของทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในช่วงสงคราม ทั้งนี้ นายอิบิฮาร่าระบุว่า ยังมีร่างของทหารญี่ปุ่นอีกกว่า 45,610 คน ที่ยังไม่ถูกค้นพบ โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีทหารญี่ปุ่นราว 137,000 ที่มาเสียชีวิตในพม่า โดยศพทหารญี่ปุ่น 91,390 ถูกขุดพบแล้ว นายอิบิฮาร่ายังเชื่อว่า ศพทหารญี่ปุ่นที่ยังไม่ถูกพบน่าจะอยู่ในเขตพื้นที่ชนกลุ่มน้อย ซึ่งในพื้นที่เหล่านี้ที่ผ่านมายากแก่การเข้าถึง เพราะว่ามีสงครามความขัดแย้งมาหลายสิบปีและยังเป็นเขตพื้นที่ควบคุมของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยต่างๆ

 

ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยทั้ง 12 กลุ่มจะเริ่มสร้างทีมสำรวจขึ้นและจะเริ่มเก็บข้อมูลเพื่อที่จะนำไปสู่การค้นพบร่างของทหารญี่ปุ่น โดยทางมูลนิธิ TJEDF จะช่วยอบรมและสนับสนุนในด้านอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมืออย่างเช่นกล้องถ่ายวิดีโอ โดยทางมูลนิธิจะนำข้อมูลที่ได้รับไปเสนอต่อรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อให้รัฐบาลญี่ปุ่นประสานกับรัฐบาลพม่าในการนำร่างของทหารญี่ปุ่นกลับบ้าน

 

นายโทโมฮารุ เอบีฮาระกล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นก็เพื่อให้ประวัติศาสตร์สงครามอันเศร้าโศกมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์ไมตรีอันดีไม่เพียงต่อรัฐบาลกลางพม่าเท่านั้น แต่ยังหมายถึงกับกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยต่างๆในพม่าด้วย โดยไม่เพียงแต่องค์ UNFC เท่านั้น ที่ตกลงจะให้ความร่วมมือกับทางมูลนิธิ TJEDF แต่ยังมี DKBA และกองทัพรัฐฉานใต้ของเจ้ายอดศึกที่ตกลงจะให้ความร่วมมือหาร่างศพของทหารญี่ปุ่นด้วย

 

มูลนิธิ TJEDF ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2554 โดยมีสำนักงานอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยทางมูลนิธิให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษา โดยในปัจจุบัน ทางมูลนิธิ TJEDF ยังมีโครงการอบรมให้ความรู้ในด้านการพัฒนาด้านเกษตรกรรมในรัฐมอญ รัฐกะเหรี่ยงและรัฐคะเรนนี

 

ที่มา Irrawaddy

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น