วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

เยือนเมืองนาย…เล่าเรื่องเมืองยักษ์ที่รัฐฉานตอนใต้ (ตอนจบ)

[caption id="attachment_6090" align="alignleft" width="464" caption="สินค้าไทยหลากหลายในตลาด"][/caption]

ไทใหญ่เชื่อมไทยในมิติการบริโภค

 

เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าคนพม่าและประเทศเพื่อนบ้านของเรารวมทั้งลาวและกัมพูชานั้นบริโภคสินค้าอุตสาหกรรมจากเมืองไทยเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้ต่างๆ ซึ่งเห็นดาดาษไปหมดตามร้านค้าและในตลาด แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นคืออาหารการกินบางอย่างก็ได้แพร่หลายไปสู่เมืองนาย ผ่านการอพยพของคนไทใหญ่ที่เข้าไปทำงานเมืองไทยนานหลายปี บางคนทำงานนานเป็นสิบปีขึ้นไป ดังนั้น การสื่อสารด้วยภาษาไทยจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับคนที่เมืองนาย บวกกับที่พวกเขาชอบเสพสื่อไทยมากกว่าสื่อพม่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

 

หลายครั้งที่ฉันเดินไปตามบ้านถนนและบ้านคน แน่นอนว่าหน้าตาที่ไม่เป็นที่คุ้นเคยของฉันมันฟ้องว่ามาไม่ใช่คนในหมู่บ้านหรือพื้นที่นั้นๆ เพื่อนของฉันแนะนำว่ามาจากเมืองไทย คนที่เคยไปทำงานเมืองไทยมานานๆจะตื่นเต้นและพยายามพูดกับฉันเป็นภาษาไทยทันที และหลายคนมีเรื่องเล่าของการไปทำงานและเดินทางไปทั่วเมืองไทยและกรุงเทพฯจนฉันเองก็แทบไม่เชื่อว่าคนๆหนึ่งจะทำงานและรู้จักกรุงเทพฯได้มากขนาดนี้

 

เมืองนายทำให้ฉันเห็นว่าคนไทใหญ่ที่นี่ผูกพันกับเมืองไทยขนาดไหน นั่นก็คือมิติด้านอาหารการกิน ในตัวเมืองนั้นมีร้านหนึ่งซึ่งขายของด้วยเปิดมุมหนึ่งขายส้มตำด้วย เนื่องจากหญิงสาวคนตำก็เคยไปทำงานที่เมืองไทยมาเหมือนกัน แต่ตอนนี้เลิกแล้ว เพราะแม่เรียกกลับมาให้ดูร้านขายของ และเลยเปิดร้านส้มตำไปด้วยเลย พอฉันถามว่าทำส้มตำอะไร ตำไทย หรือปลาร้า เขาบอกว่าที่นี่ไม่มีปลาร้า เพราะว่าคนไทใหญ่ไม่ชอบกินปลาร้าเท่าไร แต่เป็นส้มตำรสชาติที่คิดขึ้นเอง

 

ตอนนั้นมีคนสองคนมากินและเพิ่งลุกออกไปไม่นาน ฉันเลยเข้าไปดูก็เห็นว่ามีตำแตงกวาด้วย น่าสนใจว่าหญิงไทใหญ่คนนี้เป็นครูสอนลิกไต (ตัวเขียนไทใหญ่) ให้กับเด็กๆช่วงปิดเทอมหน้าร้อนด้วย การเรียนการสอนภาษาไทใหญ่ในพม่ายังไม่ได้มีการบรรจุในแบบเรียนของโรงเรียนพม่า แต่สถานการณ์ปัจจุบันนั้นดีขึ้นเล็กน้อยที่รัฐบาลพม่าอนุญาตให้สอนในวัดได้ ซึ่งต่างจากแต่ก่อนที่ห้ามอย่างเด็ดขาด

 

อีกวันหนึ่ง ฉันก็ได้ชิมอาหารไทยที่เมืองนายอีกตอนมื้อกลางวัน เนื่องจากเพื่อนของฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ร้านนี้ขายอาหารไทยขายร่วมกับอาหารไทใหญ่ อย่างข้าวส้ม ฉันตื่นเต้นเพราะในเมนูยังมีอาหารไทยอื่นๆ เช่น ผัดกระเพราด้วย ร้านนี้เจ้าของร้านเป็นผุ้หญิงที่เคยไปทำงานเมืองไทยมากว่า 10 ปีเช่นกัน ทำงานมาทุกอย่างคือตั้งแต่สาวในโรงงานไปจนถึงดูแลคนแก่ในบ้าน ซึ่งเธอก็เลิกทำแล้วจึงมาเปิดร้าน ส่วนสามีก็ไปด้วยกันคือไปทำงานก่อสร้างด้วย จนปัจจุบันได้ความรู้เรื่องกระเบื้องกลับมา แล้วก็มาก่อกระเบื้องเองที่บ้าน

 

[caption id="attachment_6091" align="alignright" width="341" caption="ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู อาหารไทยที่ได้รับความนิยมของที่เมืองนาย"][/caption]

ความจริงพี่คนนี้อยากจะทำงานที่เมืองไทยต่อให้ส่งลูกชายคนเล็กเรียนจบ แต่ต้องกลับมาดูแลแม่เสียก่อน เลยอยู่ยาวเรื่อยมา และตัดสินใจเปิดร้านขายอาหาร ซึ่งก็พอขายได้ ร้านนี้สั่งเส้นก๋วยเตี๋ยวจากเมืองไทยให้พ่อค้าแม่ค้าที่เดินทางข้ามแดนมาส่งให้ มื้อนั้นเราเลยได้กินก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำลูกชิ้นหมู

 

 

อีกร้านหนึ่งมีเด็กผู้ชายวัย 25 ปีคนหนึ่งเปิดกับน้องสาว เด็กคนนี้ไปทำงานที่เมืองไทยมา 4 ปี เดินทางไปทางท่าขี้เหล็กกับรถตู้และเข้าไปทางแม่สายกับคนที่รู้จัก ตอนนี้เขาตัดสินใจกลับบ้านมาได้ไม่นานและเปิดร้านเสื้อผ้าโดยไปรับจากประตูน้ำมาขายตอนที่กลับมา ซึ่งถือว่าเพิ่งเริ่มต้นและเอาขายบางส่วนเท่านั้น เขาตั้งใจจะกลับไปเมืองไทยอีกเพื่อไปซื้อของมาขายเพิ่ม เพราะเสื้อผ้าไทยเองก็เป็นที่นิยมในเรื่องคุณภาพอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ขายเสื้อผ้าอย่างเดียว ร้านมีที่นั่งเล่นสำหรับกินน้ำชา ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการกินอย่างหนึ่งของคนพม่าโดยรวมคือการกินชาและจะมีร้านชาเปิดอยูทั่วไป

 

บทส่งท้าย

 

การเดินทางไปเมืองนายครั้งนี้แม้เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายที่ไม่สามารถเอามาถ่ายทอดได้หมด ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าและไม่มีวันลืมของฉันเลยทีเดียว หลายคนบอกว่าฉันน่าจะเป็นคนไทยคนแรกในฐานะนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองนาย ยิ่งทำให้ฉันคิดว่าควรจะเล่าเรื่องเมืองนายให้คนที่สนใจเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคนไทใหญ่ในรัฐฉานในบริบทร่วมสมัยได้รับรู้และเห็นภาพภายในที่ยังคงเป็นเมืองปิดสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ สถานที่ที่เป็นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีหลายแห่งยังไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญ และชาวบ้านเองก็เริ่มลืมเลือนว่าเป็นอะไรมาก่อน นอกจากสถานที่ที่มีความสำคัญและเชื่อมโยงกับตำนานและความเชื่อจริงๆ

 

ซึ่งฉันก็หวังว่าหากประเทศพม่าเปิดประเทศอย่างแท้จริง เมืองนายในไม่ช้าไม่นานก็คงเปิดเมืองอย่างถูกกฎให้คนเข้ามาเที่ยวได้ และเมื่อนั้นก็ได้แต่หวังว่าเมืองนายจะยังคงเสน่ห์น่าหลงใหลอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ และก็หวังว่าจะได้เดินทางไปเยือนเมืองนายอีกครั้งเช่นกัน

 

 เรื่อง/ภาพ โดย นางยุ่มแล้ง


 

1 ความคิดเห็น:

  1. ผมรู้จักคนที่เมืองนาย และอยากไปมากๆหากคุณมีโอกาศอีกผมขอไปด้วยได้ไม่ ไปดีไม่ไปร้าย

    ตอบลบ