วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"ดิบอย่างมีสาระ" ชีวิตชาวพั้งค์ในย่างกุ้ง

punk
พ่อแม่ของจ่อจ่อ กลัวว่าเขาจะติดยา ส่วนเพื่อนบ้านต่างก็คิดว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว ชายหนุ่มพม่าวัย 26 ปีย้อมผมสีฟ้า มีรอยสักเต็มตัว สวมรองเท้าบู๊ทเฮฟวี่สีดำ กับเสื้อแจ็กเก็ตหนังปักหมุดทับเสื้อยืดลาย Anarchist

ในประเทศที่ผู้ชายส่วนใหญ่ยังคงนุ่งโสร่งซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติ การแต่งตัวแนวพั้งค์นั้นถือว่าเป็นกบฏน้อยๆ 

แต่สำหรับจ่อจ่อและเพื่อนในกลุ่ม พั้งค์ เป็นมากกว่าเรื่องของแฟชั่น มันเป็นวิธีการต่อสู้กับรัฐบาลทหาร ที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมา นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่ผ่านมา

Rebecca Henschke ผู้สื่อข่าว SBS ได้ใช้เวลากับวงดนตรีของจ่อจ่อเป็นเวลาหนึ่งคืน

ในห้องครัวของวง Rebel Riot แค้มป์ที่เป็นสถานที่รวมตัวของวง เกือบเที่ยงคืนแล้ว มันเสี่ยงมากที่จะลุกขึ้นมาเล่นดนตรีแนวพั้งในเวลานี้

จ่อจ่อบอกเพื่อนในวงให้เอาแผ่นกระดาษมาวางทับกลองและฉาบเพิ่ม เพื่อกลบเสียงไม่ให้ได้รับความสนใจมากจนเกินไป

พม่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งกฎหมายตรวจสอบสื่อก็ได้รับการผ่อนปรนไปมาก แต่ก็ไม่มีใครแน่ใจว่าขอบเขตของกฎหมายที่ออกมาใหม่อยู่ตรงไหนและอะไรที่จะทำให้คุณเข้าไปอยู่ในคุกได้

แค้มป์ของวง Rebel Riot ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองย่างกุ้ง ที่ที่ 14 ชีวิตอาศัยอยู่รวมกันเป็นชุมชนเล็กๆ

บนฝาผนังเต็มไปด้วยภาพวาดคอนเสิร์ตวงพั้งค์ มีภาพนักร้องผมทรงโมฮอว์คแผดเสียงใส่ไมโครโฟนอยู่เบื้องหน้าผู้ชมที่กำลังบ้าคลั่ง นี่คือเพลงต่อต้านสงคราม ต่อต้านศาสนา

ท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงบางเพลงของพวกเขามีอยู่ว่า "ไม่หวาดกลัว! ไม่ลังเล! จงโกรธเคืองระบบการกดขี่ข่มเหง..! การต่อต้าน!"

จ่อจ่อชี้ไปที่รูปของนางออง.ซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่อยู่ติดกับภาพของวง Pussy Riot ที่ติดอยู่บนฝาผนัง "อองซาน ซูจีและพั้งค์! วง Pussy Riot ก็เป็นวงดนตรีพั้งค์วงหนึ่ง คุณรู้จัก Pussy Riot ไหม จากรัสเซีย พวกเขาจับกุมวง Pussy Riot และนางอองซาน ซูจีออกมาพูดว่า ให้ปล่อยพวกเขาไป เราดีใจมากเพราะออง ซานซูจีก็นึกถึงพั้งค์เหมือนกัน พวกเรารู้สึกแปลกใจมากหลังอ่านเจอข่าวนี้ เราจึงรู้สึกขอบคุณนางอองซาน ซูจีมาก"

ในขณะที่นางอองซาน ซูจีอาจจะนึกถึงพั้งค์ แต่สำหรับคนทั่วไปอาจไม่ปลื้มเท่าไหร่ จ่อจ่อประมาณการณ์ว่า ในย่างกุ้งอาจมีชาวพั้งค์ประมาณ 200 คน ตอนที่เขาย้ายมาอยูที่นี่ เพื่อนบ้านก็ไม่ค่อยประทับใจนัก

"มันเป็นสังคมที่แตกต่างกันมากเพราะสังคมของเรามีกฎระเบียบจารีตประเพณีที่เยอะมาก พวกเขาคิดว่าเราบ้า เป็นตัวประหลาด นั่นคือสิ่งที่เขาคิด พวกเขาไม่เข้าใจว่าเราเป็นอะไร"

สำหรับจ่อจ่อ ตอนที่เขาได้ฟังเพลงแนวพั้งค์ครั้งแรก ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เขาคิดว่าเขาสามารถต่อสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้โดยผ่านเสียงเพลง "ตอนที่ผมยังเด็ก ผมอยากเป็นคนที่สุดขั้ว และผมก็พบว่าพั้งค์เป็นดนตรีที่แรงสุดขั้ว ตรงข้ามกับเพลงพม่าพื้นบ้านอย่างสิ้นเชิง"

-ทำไมคุณถึงอยากจะเป็นคนหัวรั้นอยู่ตลอด ไปได้ความคิดมาจากไหน?

จากพั้งค์ ตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่ที่โรงเรียน ผมอยากจะเปลี่ยนแปลงวิถีของสังคม ผมไม่ชอบวิธีที่ผู้คนโกหกหลอกลวงกัน ผมไม่ชอบการคอร์รัปชันและการเอาเงินไปใช้ในทางที่ผิด ผมสังเกตุเห็นสิ่งเหล่านั้นตั้งแต่ยังเล็ก และผมก็ไม่ชอบ ผมอยากจะเปลี่ยนสังคม และผมเลือกพั้งค์เป็นเครื่องมือ

-ดนตรีแนวพั้งค์ที่คุณฟังครั้งแรกคือวงอะไร
Sex Pistol เพลงแรกที่ฟังคือ เพลง Anarchy in the UK

-ฟังจากทางไหน วิทยุหรือซีดี?
ผมเจอดีวีดีข้างทางและผมรู้สึกดีใจมาก เหมือนถูกหวยเลย

ทว่า ครอบครัวของจ่อจ่อไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับรสนิยมของเขา แม่ของเขาเป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อเป็นตำรวจ "พ่อเป็นตำรวจแต่ไม่ชอบรัฐบาล พ่อไม่ได้อยากสนับสนุนรัฐบาลแต่เขาไม่มีทางเลือก ไม่มีโอกาส"

จ่อจ่อบอกว่าพ่อของเขาช็อคมากกับชีวิตแนวพั้งค์ของเขาแต่หลังจากที่เขาอธิบายว่า เขาทำเพื่อการเปลี่ยนแปลงในสังคม พ่อของเขาก็เข้าใจและตอนนี้ก็มักจะมาคุยกับเขาเรื่องการเมืองบ่อยๆ "บางครั้งเราก็มีความเห็นตรงกัน สิ่งที่ผมต้องการก็คือสิ่งที่พ่อต้องการ"

-และตอนนี้พ่อภูมิใจในตัวคุณใช่ไหม?
ไม่เชิงภูมิใจ เพราะมักจะเป็นห่วงผมอยู่ตลอด บางครั้งผมก็ทำการประท้วงบนถนน และที่นี่การประท้วงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก

จ่อจ่อก่อตั้งวง Rebel Riot เมื่อปี 2007 เมื่อกองทัพรัฐบาลพม่าใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่นำโดยพระสงฆ์ ผู้ประท้วงถูกจับกุมจำนวนหลายพันคนและทหารถูกสั่งให้ยิงปืนเข้าไปยังฝูงชน

จ่อจ่อไม่ค่อยพอใจนักกับการเหลี่ยนแปลงของประเทศจากการปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหารมาหลายทศวรรษ ไปเป็นรัฐบาลพลเรือน เพราะเขาบอกว่ารัฐบาลชุดใหม่ล้วนมาจากรัฐบาลทหารชุดเดิมทั้งนั้น

"ประการแรกประชาธิปไตยก็ไม่ต่างกับทุนนิยม อีกทั้งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงแค่คำพูด ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจริงๆ ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนยังคงห่างกัน และยังมีอะไรที่ต้องจัดการอยู่มาก ผมไม่คิดว่าการเปลี่ยนแปลงแค่ชื่อในระดับรัฐบาลกำลังแก้ไขเรื่องพวกนี้"

นอกจากนี้พวกเขายังถ่ายทอดความคิดเห็นทางการเมืองผ่านเสื้อผ้าที่พวกเขาทำขึ้นมาจำหน่ายบนแผงบนถนนอีกด้วย ป้ายเหนือแผงเสื้อผ้ามีข้อความ "Resist , D.I.Y do it yourself or die, no masters, no gods" (ต่อต้าน DIY ถ้าไม่ทำเองก็ตายซะ ไม่มีผู้นำ ไม่มีพระเจ้า) แผงเสื้อผ้าของเขาอยู่ตรงข้ามกับสถานีตำรวจกลาง

บางคืนพวกเขาจะเก็บแผงเสื้อผ้าแล้วนำอาหารไปมอบให้กับคนไร้บ้าน "พวกเขาหิวโหยทุกวัน เราก็คือว่าเราจะช่วยอะไรได้บ้าง เราก็แค่บอกเขาว่า นี่อาหารเย็นของพวกคุณ"

-พวกเขาคิดอย่างไรกับพวกพั้งค์ที่เอาอาหารไปให้ ?
ไม่ พวกเขาไม่สนใจว่าเราจะเป็นอะไร เขาพูดว่า ขอบคุณ เราหิวมาก พวกเขาไม่ได้สนใจว่าเราจะแต่งตัวแบบไหน พวกเขาหิว

-แล้วพวกคุณอยู่อย่างไร พวกคุณทำงานมีเงินพอเลี้ยงปากท้องหรือไม่?
เราแบ่งเงินจากรายได้ที่ร้านแต่บางทีเราก็ไม่มีอะไรจะกินหมือนกัน บางครั้งเราก็หิวมาก บางครั้งก็มีเงินไม่พอ

จ่อจ่อบอกว่าพ่อแม่ของเรามักจะมาดูเขา เอาห่อข้าวมาให้เขาบ่อยๆ และมักจะบอกว่าให้เขากินข้าวเพราะผอมเกินไปแล้ว พ่อแม่ยังเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะถูกยุงกัดเวลาขายเสื้อผ้าบนแผงข้างถนน เขาบอกว่า พวกเขารักผมมาก

(แปลจาก Punk is alive and well in Myanmar โดย REBECCA HENSCHKE จากwww.sbs.com.au 29 ก.ค. 56)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น