วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ชาวโรฮิงยาถูกกล่าวหาอยู่เบื้องหลังโจมตีชาวพุทธในบังกลาเทศ



มีรายงานว่า ทางการบังกลาเทศสั่งคุมเข้มค่ายผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงยาสองแห่งที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองค็อกบาซาร์ หลังจากเกิดเหตุการณ์ชาวมุสลิมเข้าโจมตีและเผาทำลายวัดพุทธในบังกลาเทศ ขณะที่ทางการบังกลาเทศกล่าวหาว่า ความรุนแรงครั้งนี้เป็นฝีมือของชาวมุสลิมโรฮิงยาและฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าชาวโรฮิงยาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่



 

ผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงยากว่า 28,000 คน ที่อพยพมาจากรัฐยะไข่และอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยสองแห่งในเมืองค็อกบาซาร์กำลังถูกเฝ้าจับตามองจากทางการบังกลาเทศอย่างใกล้ชิด หลังถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวโยงเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีชาวมุสลิมบุกเผาทำลายวัดและบ้านเรือนของชาวพุทธในบังกลาเทศได้รับความเสียหายเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้น เนื่องจากมีผู้โพสต์ภาพคัมภีร์อัลกุรอานถูกเผา ลงในหน้าเฟซบุ๊กของเด็กชายชาวพุทธคนหนึ่ง ซึ่งเด็กชายไม่ได้เป็นผู้โพสต์เอง จึงเป็นสาเหตุให้ชาวมุสลิมไม่พอใจและออกมาเผาทำลายวัดและบ้านเรือนของชาวพุทธ ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในเมืองค็อกบาซาร์ เมืองจิตตะกองและเมืองบันดาบัน ทั้งนี้ มีวัด16 แห่งและบ้านเรือนของชาวบ้านอีกหลายสิบหลังถูกเผาได้รับความเสียหาย ขณะที่ทางการบังกลาเทศได้จับกุมผู้ที่ก่อเหตุจนถึงขณะนี้รวมทั้งสิ้น 235 คน

 

ทางการบังกลาเทศระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งทางศาสนาที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1971 โดยบังกลาเทศมีประชากรทั้งสิ้น 153 ล้านคน โดยมีผู้ที่นับถือศาสนาพุทธคิดเป็น 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยา ซึ่งอพยพมาจากรัฐยะไข่ได้อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองค็อกบาซาร์ของบังกลาเทศเป็นจำนวนมาก โดยสภาพความเป็นอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยของชาวโรฮิงยามีสภาพเลวร้าย

 

แปลและเรียบเรียงจาก Mizzima/Irrawaddy/ภาพโดย Reuters

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น