วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555

"เพื่อนบ้าน"บทเรียนที่พม่าต้องเรียนรู้ก่อนเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ

ขณะที่พม่ากำลังพยายามเร่งเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมนั้น พม่าควรศึกษาและเรียนรู้จากปัญหาของบรรดาเพื่อนบ้านที่เกิดจากการพัฒนาด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วด้วย ที่ผ่านมารัฐบาลพม่าได้ตระเวนเยี่ยมเยือนไทยและสิงคโปร์อย่างเป็นทางการและตื่นตาตื่นใจกับความทันสมัยของเพื่อนบ้าน เลยอยากจะเร่งให้พม่าพัฒนากับเขาบ้าง

 

สำหรับประเทศสิงคโปร์นั้นเรียกว่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก แต่สำหรับพม่าอาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเพราะมีความแตกต่างกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประชากร ขนาดประเทศ การศึกษา รวมถึงรัฐบาลด้วย สิงค์โปรมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ เป็นชุมชนที่ค่อนข้างจะผสมกลมกลืนกัน มีการศึกษาที่ดี ส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีน จำนวนประชากรค่อนข้างจะคงที่ คนพม่าที่ทำงานที่สิงคโปร์ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีการศึกษา นอกจากนี้พื้นที่ประเทศยังเล็กพอที่รัฐบาลจะสามารถควบคุมดูแลได้อย่างเต็มที่

 

ส่วนประเทศไทย อาจจะพอเปรียบเทียบกันได้ แต่ถ้าพม่าจะเอาอย่างประเทศไทยแล้ว ก็จะมีจุดจบที่ไม่ต่างกับประเทศไทยเช่นกัน ถามว่าจะเจริญไหม ก็อาจจะเจริญ แต่มันก็จะมีข้อผิดพลาดผลเสียทั้งระยะสั้นและระยะยาวหากรัฐบาลปราศจากแผนการดำเนินการที่รอบคอบพอ

 

การเปลี่ยนประเทศให้เป็นอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วนั้น หากสามารถสร้างงานให้ประชาชนจำนวนมาก สิ่งที่จะตามมาก็คือการอพยพย้ายถิ่นจากชนบทเข้ามาในเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะในย่างกุ้งและเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งกรุงเทพขณะนี้มีสภาพเป็นป่าคอนกรีต เต็มไปด้วยการจราจรที่ติดขัด และปัญหามลภาวะเป็นพิษ อีกทั้งมีชุมชนแออัดหลายแห่ง อัตราการก่ออาชญากรรมสูง มีโรงงานนรกหลายแห่ง และอีกหลายอย่างที่คงกล่าวไม่หมด

 

การศึกษายังล้าหลังตามไม่ทันความเจริญ ประชนชนต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับกฎหมายและจารีตใหม่ๆ ต้องใช้เวลากับการรับเอาความรู้ใหม่ๆ และแบบแผนพฤติกรรมต่างๆ อยู่พอสมควร ซึ่งการพัฒนายอย่างรวดเร็วก็เหมือนกับพายุทอร์นาโดที่กระหน่ำซัดสถาบันและจารีตประเพณีเดิมที่มีอยู่จนเสียหาย

 

ในกรณีของประเทศไทย ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชนบทก็ยังล้าหลังและมีรายได้เฉลี่ยที่แตกต่างจากคนในเมืองอยู่มาก ในสมัยของนายกทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีการพยายามยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในบนบท ในขณะนั้นสถานการณ์ทางการเมืองก็ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ เกิดปรากฎการณ์ความขัดแย้งระหว่างคนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดง ถึงแม้ว่าจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยมาเกือบครึ่งศตวรรษก็ตาม และเมื่อปีที่แล้วก็มีการชุมนุมประท้วง มีผู้เสียชีวิต และความวุ่นวายเกิดขึ้นในกรุงเทพ หากพม่าจะยึดเอาไทยเป็นแบบอย่าง ก็คงต้องเดินตามรอยไทยและเจอปัญหาอย่างเดียวกัน ซึ่งอาจจะเลวร้ายกว่า เพราะพม่าในตอนนี้เรียกว่ายังยากจนกว่าไทยเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว ที่เริ่มมีประชาธิปไตยด้วยซ้ำ

 

พม่าก็เหมือนกับผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า ซึ่งสามารถหลบหลีกจากภัยที่แฝงตัวมากับการพัฒนาประเทศให้เป็นอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วได้ หากเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง ด้วยแผนการพัฒนาที่ครอบคลุมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมและการพัฒนาท้องถิ่นทั่วประเทศไปด้วยกัน

 

ในตอนนี้กองทุนเพื่อการพัฒนาต่างๆ กำลังจะหลั่งไหลสู่พม่าในไม่ช้า หากรัฐบาลไม่มีแผนการที่ตรงจุดและนโยบายที่เหมาะสมแล้ว เงินทุนจำนวนนั้นก็จะไม่ถูกนำไปใช้พัฒนาประเทศได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการพัฒนายกระดับประเทศเป็นภารกิจใหญ่แต่เงินทุนช่วยเหลือใช่ว่าจะได้รับการช่วยเหลือตลอดไป จึงจำเป็นต้องใช้เงินอย่างรอบคอบในการสร้างสาธารณูปโภค ปรับปรุงการขนส่งมวลชน ยกระดับการศึกษาและการติดต่อสื่อสาร

 

หากมีแผนการพัฒนาพื้นที่ชนบทควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมก็อาจจะพอหลีกเลี่ยงความแออัดในพื้นที่เขตเมืองไปได้ ทั้งนี้ถ้าคนหนุ่มสาวต่างก็ออกจากชนบทไปทำงานในเมืองกันหมด ในชนบทก็จะเหลือแต่คนแก่ซึ่งอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ขาดแคลนแรงงาน และส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมในอนาคตได้

 

สุดท้ายนี้ หากพม่าไม่อยากเจอปัญหาเหมือนเพื่อนบ้าน ก็ควรใช้โอกาสที่สำคัญนี้ในการพัฒนาแผนการและนโยบายเพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมและและเท่าเทียมทั่วประเทศไม่ให้มีข้อผิดพลาดได้

 

 

 

แปลจากบทความ The perils of unbridled economic development โดย Myat Thu Pan จาก Mizzima วันที่ 7 มิถุนายน 2555

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น