วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

“เพื่อความอยู่รอด” เหตุผลของหญิงขายบริการในพม่า

เด็กหญิงวัยรุ่นสองนางในชุดเสื้อสายเดี่ยว กระโปรงยีนส์ นอนอยู่บนที่นอน 2 ผืนที่วางแยกกัน ในห้องแสงสลัวๆ ความกว้าง 10 x10 ฟุตในเมืองย่างกุ้ง ภายในห้องฉ่ำไปด้วยไอเย็นจากแอร์คอนดิชั่นที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของน้ำหอม

มิงกะลาบา (สวัสดีค่ะ)” สองสาวทักทายด้วยสำเนียงภาษาพม่าแบบแปร่งๆ เมื่อชาย 2 คนในวัยห้าสิบกว่าเข้ามาในห้อง

 

[caption id="attachment_3700" align="alignleft" width="477" caption="ภาพจาก http://www.irrawaddy.org"][/caption]

แต่ละคนรับแขกของตัวเองไปนอนลงบนฟูก จากนั้นเธอก็จัดการล้างเท้าและลงมือนวดตัวให้แขก ผ่านไปประมาณ 15 นาที ผ้าม่านถูกดึงลงมากั้นระหว่างเตียงทั้งสอง ก่อนที่หญิงสาวจะเอนตัวลงไปนอนด้วย

 

หญิงค้าบริการส่วนใหญ่ในย่างกุ้งจะมี อาบอบนวด” เป็นฉากบังหน้า เช่นเดียวกับเด็กหญิงวัยรุ่นสองคนนี้ นอกจากนี้ก็ยังมาในรูปแบบของ ร้านคาราโอเกะ เกสต์เฮาส์ หรือธุรกิจอื่นๆ  ถึงกระนั้น ผู้ค้าบริการยังสามารถพบได้ทั่วไปตามท้องถนน ในตลาด สถานีรถประจำทาง หรือหน้าโรงภาพยนตร์

 

ร้านนวดมีให้เห็นตั้งแต่ในใจกลางเมืองย่างกุ้งไปจนถึงรอบนอก นายหน้าซื้อขายรถยนต์หลายคนอ้างว่า ในย่างกุ้งมีร้านนวดอย่างว่ามากถึง 1,000 แห่ง รวมไปถึงบริเวณสี่แยกบุเรงนอง หรือแม้แต่สถานีรถประจำทาง อ่องมิงกลา และดะกงเอยาเอกซเพรส ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมาก นายหน้ารถยนต์คนหนึ่งกล่าว

 

ถ้าจำไม่ผิด แค่ใกล้ๆ กับสี่แยกบุเรงนองที่เดียว มีร้านนวด เกสต์เฮาส์ และ ร้านราคาโอเกะประมาณ 100 ร้าน คนสามารถหาความสุขอย่างว่าได้ทุกร้าน”

 

เด็กสาวหลายคนที่ทำงานร้านนวดมาจากภาคอิระวดี พื้นที่ที่ถูกพายุไซโคลนนากิสถล่ม และพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างรัฐคะฉิ่น รัฐฉาน และรัฐกะเหรี่ยง นอกจากนี้ ยังมีเด็กสาวที่มาจากเขตที่ห่างไกลความเจริญ เช่น รัฐชินและรัฐอาระกัน แต่มีจำนวนไม่มากนัก

 

เด็กสาวบางคนไม่รู้ภาษาพม่าด้วยซ้ำ ผมต้องใช้ภาษาใบ้บอกให้เขาทำอย่างที่ผมต้องการ” นักธุรกิจคนหนึ่งในย่านบุเรงนองซึ่งเป็นลูกค้าประจำของร้านนวดและร้านคาราโอเกะแถบนั้น บอก

 

ราคาค่าบริการในร้านนวดโดยทั่วไปอยู่ที่ 2,500-3,500 จั๊ต ต่อชั่วโมง (ประมาณ 99 – 139 บาท) ต่อชั่วโมง สำหรับการนวดแบบธรรมดา แต่ถ้าต้องการบริการเสริมพิเศษจะค่าบริการขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 15,000 จั๊ต (ประมาณ 597 บาท)

 

บรรดาร้านนวดที่มีบริการแอบแฝงจะมีด้วยกัน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่จ่ายค่าน้ำชาให้ตำรวจหลายแสนจั๊ตเป็นประจำ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้จ่ายให้เจ้าหน้าที่  หมอนวดหลายคนจะสอบถามราคาค่าตอบแทนจากร้านนวดก่องที่จะตกลงทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมทำงานในร้านที่มีการจ่ายส่วยให้ตำรวจมากกว่า

 

 

หญิงสาววัย 25 ปี คนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า “โซฟี” ทำงานอยู่ในร้านนวดแห่งหนึ่งบนตึกสูง ใกล้ๆ กับตลาดเลดาน เขตกมายุต ในย่างกุ้ง ด้วยสำเนียงการพูดที่พยายามปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าเธอเป็นชนกลุ่มน้อยในพม่า เธอบอกว่า เธอทำงานที่นี่มา 3 ปีแล้ว

 

ตอนแรกๆ ที่มาถึงย่างกุ้ง ฉันเรียนในโรงเรียนฝึกหัดผู้ช่วยพยาบาลและทำงานในคลินิกหลังจากนั้น  ฉันมีรายได้ เดือนละ 35,000 จั๊ต( 1,394 บาท) แต่มันไม่พอค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน และไม่มีเงินเหลือส่งกลับบ้าน”

 

โซฟีเล่าว่า เพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ถามว่าเธออยากมีรายได้ดีๆ หรือไม่ เมื่อเธอตอบตกลง เพื่อนคนนั้นก็พาเธอมาที่ร้านนวดแห่งนี้

 

ตอนแรกฉันคิดว่าแค่นวดให้ลูกค้าเฉยๆ แต่เพื่อนบอกว่า ถ้านวดอย่างเดียวก็ไม่มีทางหาเงินได้มากกว่าเดือนละ 5 หมื่นจั๊ตได้  เธอบอกฉันว่าไม่ต้องคิดมาก ฉันสามารถหาเงินได้มากเท่าไหร่ก็ได้จากผู้ชายรวยๆ ที่ฉันนอนด้วยแค่ชั่วโมงเดียว  จากนั้นมา ฉันก็กลายมาเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้”

 

โซฟีมาจากมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่น เป็นพี่สาวคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 4 คน เธอออกจากบ้านก่อนที่จะสอบผ่านชั้น 10 มายังย่างกุ้งเพื่อหาเงินเลี้ยงดูหกชีวิตที่บ้าน โซฟีบอกว่า ทำงานในร้านนวดสบายกว่าการเป็นผู้ช่วยพยาบาล ที่รายได้น้อยไม่พอส่งกลับบ้าน

 

ตอนนี้ฉันสามารถส่งเงินให้ที่บ้าน 2 แสนจั๊ต (7,968 บาท )ทุกเดือน พ่อแม่ฉันไม่รู้ว่าฉันทำงานอะไรและไม่เคยถามด้วย  สำหรับฉันงานนี้สบายมาก”

 

เธอไม่ได้หลับนอนกับลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการ แต่เธอจะเลือกเฉพาะแขกขาประจำที่จ่ายค่าเครื่องดื่มเยอะๆ  เธอตัดสินใจเลือกลูกค้าได้ ซึ่งแตกต่างจากหญิงค้าบริการหลายคน

 

ลูกค้าที่มาใช้บริการร้านนวดมีหลายแบบ ฉันไม่ต้องนอนกับทุกคน บางคนก็มานวด  จับนู่นจับนี่ ให้เงินฉันแล้วก็ไป ถ้าฉันมีกบ (คำสแลงหมายถึง ผู้ชายรวยๆ ) ของฉันเอง มันก็สะดวกกับฉับและร้านนวด ถ้าใครจับกบได้ซักสองสามตัว ก็ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไป”

 

เรื่องราวของโซฟีสะท้อนให้เห็นถึงหญิงสาวอีกหลายชีวิตที่เข้ามาทำงานในร้านนวดในย่างกุ้ง ซึ่งร้านนวดส่วนใหญ่ต้องการหญิงสาวแบบโซฟี ที่มาจากเมืองอื่น เพราะเมื่อได้ทำงานแล้วมักจะไม่ค่อยเปลี่ยนงานเท่าไหร่

 

เหตุผลที่ร้านนวดต้องการเด็กสาวจากต่างถิ่นเพราะว่า เมื่อพวกเขามาถึงย่างกุ้งใหม่ๆ มักจะได้งานในร้านตัดเย็บเสื้อผ้าหรือที่อื่นๆ ที่ได้เงินเดือนน้อย ไม่พอกับค่าใช้จ่าย และเมื่อมองหางานใหม่ สุดท้ายก็มักจะลงเอยที่ร้านคาราโอเกะ บางคนก็กลายเป็นหญิงค้าบริการข้างถนนเต็มเวลา ความอยู่รอดคือเรื่องหลัก” ผู้จัดการร้านนวดคนหนึ่งเผย

 

เขาบอกว่า ชีวิตของเด็กสาวที่ทำงานในร้านนวดปลอดภัยกว่าหญิงที่เราขายบริการตามท้องถนนมาก

 

ถ้าพวกเขาอยู่บนถนน ไม่มีใครสามารถปกป้องพวกเขาได้ แต่ถ้าอยู่ในร้านนวด เราต้องดูแลเขาเวลามีปัญหากับลูกค้าหรือปัญหาอื่นๆ ถ้าลูกค้าเมาและทำตัวไม่ดี พนักงานก็จะลากตัวเขาออกไปจากร้าน”

 

เขาบอกว่า หมอนวดต้องทำงานวันละ 18 ชั่วโมง ทำให้ไม่มีเวลานอนหลับพักผ่อน แลกกับเงินเดือน 1 หมื่นจั๊ต ( 398 บาท) และค่านวดอีกชั่วโมงละ 500 จั๊ต (ประมาณ 20 บาท) เป็นอย่างต่ำ นอกจากนี้ยังได้เงินพิเศษจากลูกค้าอีกด้วย

 

ถ้าลูกค้ากับหมอนวดตกลงที่จะนอนด้วยกัน ทั้งร้านนวดและหมดนวดก็จะได้เงิน  ในกรณีนี้ หมอนวดคนหนึ่งสามารถทำเงินได้อย่างน้อย 250,000 จั๊ต (9,960 บาท) ต่อเดือน ไม่รวมค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน”

 

ระหว่างที่มีการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2010 กิจการอาบอบนวดในย่างกุ้งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งปิดไปแล้วครั้งหนึ่ง จากนั้นเมื่อรัฐบาลชุดใหม่เผยโฉมในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2011 ก็ถูกปิดอีกครั้งเป็นเวลาหลายเดือนหลังถูกเจ้าหน้าที่กวาดล้าง

 

โซฟีบอกว่า หญิงสาวบางคนยังคงทำงานในอาบอบนวดทั้งๆ ที่เปิดกิจการด้วยความเสี่ยง ร้านนวดหลายแห่งถูกเจ้าหนาที่บุกตรวจ ทำให้เพื่อนของเธอถูกจับไป 3 คนข้อหาค้าประเวณี เมื่อตอนที่ร้านของเธอถูกสั่งปิด เธอใช้วิธีติดต่อกับลูกค้าประจำโดยตรงและใช้สถานที่อื่นข้างนอกแทน

 

ตอนที่ร้านถูกสั่งปิดหลายเดือน ฉันต้องโทรหาลูกค้าประจำขอให้เขาช่วย แต่คนที่ไม่สามารถติดต่อลูกค้าได้ก็ต้องออกไปหาลูกค้าตามท้องถนน พวกเธอไม่มีทางเลือก บางคน ลูกค้าจะพาไปไหนก็ต้องตามใจ เพื่อหาเงินซื้อข้าวกิน” เธอบอก

 

 

แปลจาก The Main Issue is Survival โดย AUNG THET WINE/ THE IRRAWADDY            2 กุมภาพันธ์ 2555

อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท = 25.10 จ๊ต  (2 กพ 55)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น