วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อ่องมินเผย การสร้างสันติภาพในประเทศใกล้ประสบความสำเร็จ



นายอ่องมิน รัฐมนตรีกระทรวงการรถไฟของพม่าให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธ(15 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมาว่า การเจรจาหยุดยิงกับชนกลุ่มน้อยติดอาวุธและการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นทั่วประเทศใกล้บรรลุผลสำเร็จแล้ว โดยระบุความขัดแย้งระหว่างชนกลุ่มน้อยและพม่าเปรียบเหมือนโรคเรื้อรังมายาวนานกว่า 60 ปี

 



ทั้งนี้ นายอ่องมิน อดีตนายพลทหารซึ่งเกษียณราชการและขณะนี้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการรถไฟของพม่า เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีเต็งเส่งให้รับผิดชอบในการแก้ปัญหาความขัดแย้งกับชนกลุ่มน้อยที่ดำเนินมากว่าหลายสิบปี โดยนายอ่องมินเปิดเผยว่า ชนกลุ่มน้อยติดอาวุธที่เหลือและที่ยังไม่ได้ลงนามหยุดยิงกับรัฐบาล จะดำเนินการลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าได้ภายในสามเดือนนี้ โดยหลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการเจรจาที่จะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนภายในประเทศ พร้อมกับระบุว่า ชนกลุ่มน้อยและรัฐบาลพม่าเริ่มที่จะมีความเชื่อใจซึ่งกันและกันมากขึ้น

 

“ในตอนแรก พวกเขา(ชนกลุ่มน้อย)ไม่เชื่อใจผม พวกเขาตรวจหาอาวุธตามร่างกายของผม พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะกินอาหารที่ผมจัดเตรียมไว้ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกวางยาพิษ ไม่แม้กระทั่งรับของขวัญหรือของที่ระลึกจากผม เพราะพวกเขากลัวว่าจะเป็นระเบิด ผมต้องเอาชนะใจพวกเขาและทำให่้พวกเขาเชื่อมั่น ความเป็นศัตรูและความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลพม่าและชนกลุ่มน้อยเปรียบเหมือนโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นมานานกว่า 60 ปี ไม่มีรัฐบาลไหนที่จะสามารถรักษาโรคนี้ได้ เนื่องจากใช้วิธีการรักษาไม่เหมาะสม” นายอ่องมินกล่าว

 

นายอ่องมินยังเปิดเผยว่า ขณะนี้พม่าได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และหลังการทำสัญญาหยุดยิงกับชนกลุ่มน้อย จะมีการเจรจาหารือซึ่งจะเกี่ยวข้องกับในประเด็นวงกว้าง เช่นความต้องการของชนกลุ่มน้อย ในระบอบแบบสหพันธรัฐที่แท้จริง ซึ่งคล้ายกับระบอบการปกครองในประเทศสหรัฐและประเทศในยุโรป นายอ่องมินเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเต็งเส่งนั้นมีแผนดำเนินการสร้างสันติภาพอยู่ 3 ขั้น ขั้นที่ 1 คือการมีส่วนร่วมในการลงนามหยุดยิง 2.คือการเจรจาทางการเมือง และ 3.คือการประชุมสภานัดพิเศษที่ให้ทุกกลุ่มเข้าร่วมหารือข้อตกลงร่วมกันเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนถาวร

 

นายอ่องมินเปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อย 9 ใน 16 กลุ่มที่ได้ลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลพม่า โดยนายอ่องมินเชื่อว่า ข้อตกลงอีก 6 ฉบับจะบรรลุในเร็วๆนี้เช่นเดียวกัน ขณะที่พรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะยา (The Kayah Nationalities Progressive Party -KNPP) จะลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าในวันที่ 1 เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ เช่นเดียวกับพรรคเล็กๆอีก 5 พรรคที่คาดว่าจะลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลในเร็วๆนี้ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม นายอ่องมินปฏิเสธที่จะพูดถึงสถานการณ์สู้รบที่กำลังดำเนินไปในรัฐคะฉิ่น แม้จะมีคำสั่งจากประธานาธิบดีเต็งเส่งและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพพม่าก่อนหน้านี้ที่ให้ทหารพม่ายุติโจมตีรัฐคะฉิ่น

 

ทั้งนี้ นายอ่องมินยังกล่าวถึงพลเอกอาวุโสตานฉ่วยว่า ไม่ได้มีบทบาทหรือมีอิทธิพลในรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้ว ทั้งที่ตานฉ่วยเองเป็นผู้ที่มีบทบาทในการแต่งตั้งและจัดวางตัวคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยอ่องมินระบุการบริหารประเทศภายใต้ตานฉ่วยนั้นได้สิ้นสุดแล้ว

 

“ตานฉ่วยนั้นได้เกษียณราชการไปแล้วอย่างสมบูรณ์ เราไม่จำเป็นที่จะต้องฟังคำสั่งของเขา หรือทำตามอิทธิพลของเขา ไม่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ” นายอ่องมินยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้พลเอกอาวุโสตานฉ่วยนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือ โดยยังระบุว่า ต้องขอบคุณตานฉ่วยเสียด้วยซ้ำที่ทำให้ประเทศถ่ายโอนอำนาจไปสู่ประชาธิปไตยได้อย่างสันติ

 

พร้อมกันนี้นายอ่องมินได้ปฏิเสธที่มีกระแสข่าวว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มหัวประชาธิปไตยและกลุ่มนายพลทหารหัวอนุรักษ์นิยมภายในรัฐบาลและกองทัพพม่า โดยอ่องมินระบุเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงแค่ข่าวลือ โดยกล่าวว่าทุกคนเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การนำประธานาธิบดีเต็งเส่ง

 

นอกจากนี้เมื่อถามถึงประเด็นที่ว่า ข้อเรียกร้องของชนกลุ่มน้อยที่ต้องการปกครองตนเอง นายอ่องมินกล่าวว่าเขาไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้ แต่จะสนับสนุนให้ชนกลุ่มน้อยต่างๆได้จัดตั้งพรรคการเมืองและเข้าร่วมในรัฐสภา รวมถึงกล่าวว่า จะเปิดประตูทิ้งเอาไว้เพื่อให้สามารถแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญปี 2551 เพิ่มแติมได้

 

ท้ายสุด นายอ่องมินระบุว่า ในอดีตการเจรจามักเพื่อการสงบสุขอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้คิดถึงข้อตกลงหลังการสงบสุข แต่ตอนนี้พม่านั้นต้องการสันติภาพอย่างแท้จริง แม่้จะต้องใช้เวลานานและไม่ใช่เรื่องง่าย “นี่เป็นแผนของเราเพื่อสันติภาพที่ถาวรยั่งยืน” นายอ่องมินกล่าว

 

แปลและเรียบเรียงมาจากรอยเตอร์ /Mizzima 17 กุมภาพันธ์ 55

 

 

 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น