วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

คนต่างด้าว ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว

โดย ลืนคำ

ตอนเด็กๆฉันชอบคิดว่าฉันโชคไม่ดีที่เกิดมาเป็นคนไทยใหญ่ ก็เพราะคนไทยใหญ่อย่างเราไม่มีแผ่นดินให้อยู่ ถึงแม้แผ่นดินในโลกนี้ออกจะกว้างใหญ่ แต่ถ้าเรากลับบ้าน เราก็ต้องถูกพวกคนพม่ารังแก และเป็นทาสคนพม่า หรือถ้าเราอยู่ในประเทศไทย เราก็ต้องยอมให้คนไทยเรียกเราว่าเป็นคนพม่าหรือคนต่างด้าวที่ฟังดูแล้วเหมือนมาจากอีกโลกหนึ่ง

ฉันเกิดในพม่า แต่ย้ายเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่อายุ 1 ขวบ เพราะหนีภัยสงคราม มีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้นที่หาเลี้ยงพวกเราพี่น้องสี่คนด้วยอาชีพก่อสร้างวันละ 60 บาทในตอนนั้น บ่อยครั้งที่ฉันต้องเห็นแม่และพวกคนงานคนอื่นๆต้องวิ่งหนีตำรวจอย่างกับในหนัง และบ่อยครั้งที่พวกเราต้องขนมุ้งและผ้าห่มไปนอนบนดาดฟ้าของตึกที่กำลังก่อสร้าง พวกผู้ใหญ่เชื่อกันว่า ตำรวจคงไม่ขึ้นมาจับคนงานบนดาดฟ้า เพราะขี้เกียจเดินขึ้นบันไดมา และฉันมักจะสอนให้แม่พูดคำว่าบาทให้ชัด เพราะแม่ชอบพูดคำว่า “หวาด” แทนบาท ทำให้คนอื่นรู้ได้ง่ายว่าเราไม่ใช่คนไทย

หรือบางทีแม่มักจะคล้องโซ่ล็อคประตูโดยหันแม่กุญแจไว้ด้านนอกก่อนเข้านอน (ลักษณะประตูตามแคมป์ก่อสร้างจะเป็นประตูสังกะสีซึ่งเจาะช่องไว้สำหรับคล้องโซ่ล็อคกุญแจ) เพื่อทำเหมือนว่าไม่มีใครนอนอยู่ในห้องนี้ จะได้นอนหลับอย่างสบายใจ และพอในตอนเช้าอีกวันจึงค่อยหมุนแม่กุญแจเข้ามาด้านในห้องและเปิดล็อคออกไปด้านนอก นอกจากนี้ ยังมีอีกสารพัดวิธีที่แม่และคนงานอื่นๆในแค้มป์ก่อสร้างคิดเอาไว้เพื่อป้องกันตำรวจจับตัว แต่จำได้ว่าแม่เคยถูกตำรวจจับครั้งหนึ่ง เพราะมีคนไทยไปแจ้งความว่า คนงานในแค้มป์ที่แม่ทำงานไปขโมยกินหน่อไม้ของชาวบ้านที่เป็นคนไทย ทำให้แม่ถูกจับเป็นเดือนและส่งตัวไปชายแดนแห่งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่แม่ไม่ได้ทำผิด ฉันร้องไห้อยู่หลายวันเพราะคิดถึงแม่ พอแม่กลับมาแม่บอกคนงานคนอื่นๆให้ระวังตัว อย่าให้ตำรวจจับตัวไปได้ เพราะชีวิตในคุกนั้นแสนลำบาก ต้องอยู่กันอย่างแออัด และต้องดื่มน้ำจากในห้องน้ำ

ตัวฉันเองไม่เข้าใจในตอนแรกว่า ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงกลัวพวกตำรวจนัก ทั้งที่เราก็เป็นคนเหมือนๆกัน และบ่อยครั้งที่ฉันตามแม่ไปจ่ายตลาด มักจะได้ยินตามหลังว่า คนพม่าหรือคนต่างด้าวมาแล้ว ภายหลังจึงรู้ว่า เพราะพวกเราไม่มีบัตรและเข้ามาอยู่อย่างผิดกฎหมายนั่นเอง และที่สำคัญพวกเราไม่ใช่พลเมืองของประเทศนี้ จึงทำให้พวกเราทั้งหมดถูกแบ่งแยกเอาไว้เหมือนมนุษย์ที่มาจากอีกโลกหนึ่ง ฉันมักจะถามแม่ว่า ทำยังไงแม่ ฉัน และพวกเราทุกคนถึงจะมีบัตรได้ เพราะไม่อยากเห็นพวกผู้ใหญ่ต้องวิ่งหนีตำรวจเหมือนกับเห็นผีอีกแล้ว จนท้ายสุดแม่พาพวกเรามาหาญาติทำบัตรไว้ในอำเภอแห่งหนึ่งในปี 2537 ทั้ง ๆ ที่เราน่าจะทำก่อนหน้านั้นตั้งแต่แรก

แต่จนแล้วจนรอดเรายังไม่ได้รับเอกสารยืนยันตัวสักที ฉันและน้องจึงต้องเข้าโรงเรียนโดยไม่มีเอกสารยืนยันตัว แต่โชคดีที่โรงเรียนอนุโลมให้ เวลาผ่านไปจนฉันเรียนจบชั้น ป.6 ฉันก็ยังไม่ได้รับเอกสารที่ทางราชการออกให้ ฉันเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นที่ไม่มีบัตรเหมือนฉัน บ่อยครั้งที่ครูประจำชั้นทวงทะเบียนบ้านจากฉัน ตอนที่ฉันใกล้จะจบชั้นป.6 แต่ฉันไม่รู้จะไปเอาที่ไหนมาให้ครู และบ่อยครั้งที่ถูกเพื่อนๆในห้องล้อว่า ฉันเป็นมูเซอลงมาจากดอยจึงไม่มีบัตร แต่ฉันก็ทน และให้กำลังใจตัวเองว่า นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันกำลังประสบพบเจอ

ฉันได้รับทะเบียนบ้านตอนเรียนอยู่ชั้นม.1 และได้ถ่ายบัตรเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่น่าเสียดายที่ในบัตรยังคงระบุว่าฉันเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ให้อยู่ในประเทศไทยเพียงชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับ ฉันอ่านข้อความที่ระบุในบัตรแล้วรู้สึกเข่าอ่อนในทันที รู้สึกท้อกับอนาคตของฉันที่อยากเป็นนักท่องเที่ยวรอบโลก ถึงแม้ว่าคนอื่นๆจะพากันหัวเราะก็ตาม ฉันรู้สึกเหมือนนักโทษ เพราะแค่ออกนอกพื้นที่จังหวัดก็ต้องขออนุญาตซึ่งมีเอกสารแสดงตนนับสิบๆหน้าไว้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจ และบางครั้งฉันคิดว่า ฉันไม่อยากที่จะวิ่งหนีตำรวจเหมือนที่แม่และพวกผู้ใหญ่คนอื่นๆทำ เพราะตัวฉันเองอยากเป็นมิตรกับตำรวจมากกว่า ที่ผ่านมาผู้ใหญ่สอนให้ฉันกลัวตำรวจมาพอแล้ว

ฉันจบแค่ชั้นมัธยมต้น ไม่มีโอกาสเรียนต่อ ถึงจะขอทุนเรียนฉันก็คงไม่มีโอกาสได้เรียน เพราะเขาเลือกแต่คนที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น ฉันตัดสินใจเข้ามาทำงานในตัวเมืองเชียงใหม่ มีเพียงบัตรที่ระบุว่าเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ฉันไม่สามารถเลือกงานตามใจชอบได้ เพราะบ่อยครั้งที่เห็นป้ายมักระบุว่า จะรับคนที่มีสัญชาติไทยเข้ามาทำงานเท่านั้น ด้วยวุฒิเพียงแค่ ม.ต้น จึงทำให้ฉันต้องทำงานหนักค่าแรงต่ำและถูกเจ้านายกดขี่ข่มเหงอยู่หลายปี และอาจต้องอยู่ในสภาพนี้ต่อไป

ชีวิตคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้สวยหรูไปซะทุกคน บางคนต้องทำงานหนักแต่ได้ค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด ขณะที่บางคนต้องถูกเจ้านายข่มขู่ข่มเหง แต่ไม่สามารถร้องเรียนกับใครได้ หนำซ้ำยังต้องถูกคนอื่นพูดจาดูถูกดูแคลนเหมือนไม่ใช่คน ขณะที่บางคนต้องมีชีวิตอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ซึ่งดูจะไม่มีความสุขนักและไม่ต่างจากนักโทษ

ปัจจุบันฉันก็ยังถือบัตรนี้อยู่และอยู่ในประเทศไทยมา 23 ปีแล้ว ถึงแม้แม่ไม่ได้ทำอาชีพก่อสร้างแล้ว แต่แม่ก็ยังคงฝึกพูดคำว่าบาทให้ชัดอยู่ นั่นแสดงให้ฉันเห็นว่า ถึงแม้ฉันจะไม่สามารถที่จะมีสิทธิเหมือนคนอื่นๆ ถึงฉันจะไม่สามารถเลือกเกิดหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ หรือถึงฉันจะยังไม่สามารถเป็นพลเมืองของประเทศนี้ได้ในตอนนี้ แต่ฉันคิดว่าฉันไม่ได้โชคร้ายที่เกิดมาเป็นคนไทยใหญ่ หรือคนต่างด้าวผิดกฎหมาย

เพราะอย่างน้อยฉันก็ยังมีสิทธิที่จะรักและจงรักภักดีต่อในหลวง และได้อยู่ในแผ่นดินของท่านโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถึงใครๆหรือแม้แต่สื่อทั่วไปจะมองว่าคนต่างด้าวไม่ดีอย่างไร แต่ฉันเชื่อว่าพวกเราได้ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย และเราก็เป็นมนุษย์เหมือนๆกัน

เพียงแต่ว่า สังคมมนุษย์และกฎเกณฑ์ต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นมาต่างหาก ที่แบ่งฉันให้อยู่อีกโลกหนึ่ง กีดกันให้ฉันได้ใช้สิทธิและเสรีภาพของตนเองในโลกใบนี้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันเข้มแข็งพร้อมที่จะต่อสู้ในโลกอันโหดร้ายที่แบ่งแยกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์อย่างร้ายกาจ ฉันเพียงแต่หวังลึกๆว่า ต่อไปในอนาคตอาจจะมีใครสักคนหนึ่งที่ไม่รังเกียจคนต่างด้าว และเปลี่ยนแปลงมุมมองคิดว่าเขาก็เป็นคนที่มาจากโลกใบเดียวกัน ใช่มาจากโลกใบอื่นไม่

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น