วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

ใจของคน

เขียนโดย ปูเนแม (เว็ดแล็ต) จากนิตยสารกาเหลี่ย แปลโดย Numripan

ในอดีตที่ผ่านมา หากต้องเดินทางไปย่างกุ้ง ผมจะนั่งรถโดยสารจากเมืองมะอูปิน-ย่างกุ้งมาโดย ตลอด เพราะถ้าไปกับรถโดยสารจะทำให้ถึงย่างกุ้งเร็วกว่า แต่ในปัจจุบันไม่ว่าจะเรือหรือรถโดยสารก็ใช้เวลา เดินทางพอๆ กัน ตามปกตินั่งรถจากเมืองมะอูปินตอน 6 โมงเช้าก็จะถึงสถานีรถโดยสารหล่ายตายาประมาณ 9 โมงครึ่งถึง 10 โมง หลังจากนั้นก็ต้องนั่งรถต่อไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งจึงจะถึงตัวเมืองย่างกุ้ง แต่ถ้าไปกับเรือโดยสารก็จะไปถึงท่าเรือปะตินซึ่งใกล้ๆ กับตัวเมืองย่างกุ้งประมาณ 11 โมง ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางไม่แตกต่างกันมากนัก

ส่วนการขายตั๋วรถโดยสารที่เมืองมะอูปินนั้นถือว่าแปลกและไม่เหมือนใคร เพราะพนักงานขายตั๋วที่นี่จะเริ่มขายตั๋วจากเลขที่นั่งเบอร์ 15 เป็นต้นไป ส่วนเลขที่นั่ง 1 ถึง 15 นั้นจะเก็บเอาไว้ขายในตอนหลังสุดเหตุผลก็เพราะว่าผู้โดยสารที่มาทีหลังจะไม่ยอมขึ้นรถหากพบว่าไม่มีที่นั่งหรือได้ที่นั่งไม่สะดวก ดังนั้นพนักงานขายตั๋วจึงเผื่อเอาไว้สำหรับผู้โดยสารเหล่านั้น

แม้จะบอกว่าเป็นรถโดยสารทางไกลแต่ก็พบว่ารถจะจอดตลอดทางหากมีผู้โดยสารโบกให้จอดนอกจากนี้พนักงานจะรับข้าวของทุกอย่างขึ้นมาไว้บนรถเหมือนรถประจำทางทั่วไปไม่มีผิด จนไม่มีที่ว่างเหลือให้กับผู้โดยสาร บางครั้งรถบรรทุกของหนักเกินไปจึงทำให้ต้องค่อยๆ แล่นไปอย่างช้าๆ แต่ก็ยังรับผู้โดยสาร อยู่เรื่อยๆ

นอกจากค่าตั๋วแล้ว พนักงานขายตั๋วที่นี่ยังเก็บค่าประกันอุบัติเหตุเพิ่มอีก 50 จั๊ตด้วย หากใครไม่มีเงินก็ไม่จำเป็น ต้องจ่าย แต่เงินค่าประกันอุบัติเหตุนั้นพนักงานไม่ออกใบเสร็จรับเงินใดๆ ทั้งสิ้นให้กับผู้ที่จ่ายเงิน ดังนั้นถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จริงๆ ผู้โดยสารเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาหลักฐานที่ไหนมาแสดงว่าได้จ่ายค่าประกันอุบัติเหตุไปแล้ว ผมว่าเรื่องนี้ก็น่าคิดเหมือนกันแต่ท้ายสุดผมก็ยังต้องตัดสินใจไปกับรถโดยสารนี้เหมือนเช่นเคย

“พี่ชาย...ขึ้นมาเลยครับ รถมะอูปินยังมีที่นั่งเหลืออยู่..ใกล้จะออกแล้ว...” เสียงพนักงานขายตั๋วพูดกับผม
“ขอหนึ่งที่นั่ง” ผมบอกพนักงานพลางยื่นเงินให้กับเขา
“ได้ครับพี่ชาย” เขากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีใจที่ได้ผมเป็นลูกค้าอีกหนึ่งคน พร้อมกับตะโกนบอกกับเพื่อนร่วมงานของเขาอีกคนว่า
“เฮ้...ขอเลขที่นั่งเบอร์หนึ่งให้พี่ชายคนนี้นะ

ในขณะที่คนขับสตาร์ทเครื่องเตรียมออกรถผมรับตั๋วและกล่าวขอบคุณพนักงานและรีบก้าวขึ้นไปบนรถซึ่งก็พบว่ามีผู้โดยสารอยู่เต็มรถ ผมนั่งลงบนที่นั่งเบอร์หนึ่งทันทีและแอบคิดขึ้นในใจว่า
“เด็กพวกนี้ความคิดไม่เลวเหมือนกันที่อุตส่าห์ให้ผมได้นั่งที่นั่งดีๆ”

แต่ในเวลาต่อมา รถก็ยังแวะรับผู้โดยสารไปเรื่อยๆ เหมือนทุกๆ ครั้งจนไม่มีที่นั่งว่างเหลือผู้โดยสารบางคนต้องยืน และอาจต้องยืนอย่างนี้ไปตลอดทาง ผมอดที่จะนึกในใจไม่ได้ว่า “พวกเขาคงคิดว่าจากเมืองมะอูปินไปย่างกุ้งคงไม่ไกลมากสินะ ทั้งๆ ที่พวกเขาเลือกที่จะไม่ไปกับรถก็ได้ ในขณะที่พนักงานก็ยังรับคนขึ้นรถเรื่อยๆ เพื่อธุรกิจของตัวเองโดยไม่คิดถึงผู้โดยสาร นี่แหล่ะนะใจคนที่ต่างความคิด”.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น