วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

Border Town - อำพรางโหดชายแดนทมิฬ



โดย หมอกเต่หว่า

ยังมีอีกหลายๆ คนตัดสินใจทิ้งชีวิตในบ้านเกิดอันแร้นแค้น มุ่งหน้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่มีทางเลือก เพื่อไปตายเอาดาบหน้าและหวังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่อาจล่วงรู้ถึงหนทางอันยากลำบากและอุปสรรคที่รออยู่ข้างหน้า และหลายๆ คนอาจต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ในต่างถิ่น โดยที่ไม่มีโอกาสหวนกลับคืนแผ่นดินแม่ได้อีกครั้ง

ภาพยนตร์ Border town หรือมีชื่อในภาษาไทยว่า "อำพรางโหดชายแดนทมิฬ" สร้างจากเรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเมืองฮัวเรซ ประเทศเม็กซิโกซึ่งมีชายแดนติดกับสหรัฐ โดยได้ผู้กำกับมากความสามารถอย่าง เกรกอรี นาวา มาช่วยเขียนบทและกำกับการแสดง และได้นักร้องนักแสดงชาวละตินมากฝีมืออย่างเจนนิเฟอร์ โลเปส มาเป็นนักแสดงนำ ร่วมกับนักแสดงหญิงดาวรุ่ง มายา ซาปาตา เนื้อหาในหนัง Border town มุ่งประเด็นไปยังแรงงานหญิงชาวเม็กซิกันที่เข้ามาทำงานในเมืองฮัวเรซ ที่ที่พวกเธอต้องทำงานหนัก มีชั่วโมงทำงานนานแลกกับค่าแรงเพียงน้อยนิด หญิงสาวบางคนอาจโชคร้ายกว่านั้นถูกข่มขืนและฆ่าอย่างเหี้ยมโหดในระหว่างทางที่พวกเธอเดินทางไปหรือกลับจากที่ทำงาน

หนังเปิดตัวด้วยการบอกเล่าเรื่องราวที่รัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลเม็กซิโกทำข้อตกลงการค้า เสรีอเมริกาเหนือ (North American Free Trade Agreement : หรือข้อตกลง NAFTA) ร่วมกัน จึงส่งผลทำให้บริษัทชั้นนำจากสหรัฐและบริษัทที่ร่วมหุ้นจากทั่วโลกเข้ามาลงทุนในพื้นที่ชายแดนระหว่างเม็กซิโกและสหรัฐเป็นจำนวนมาก เมืองฮัวเรซก็เป็นหนึ่งในพื้นที่เขตการค้าเสรีดังกล่าว และส่งผลให้เมืองฮัวเรซมีโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า 1 พันแห่ง โดยมีแรงงานหญิงจากเขตชนบทในเม็กซิโกหลั่งไหลเข้ามาทำงานในเมืองฮัวเรซเป็นจำนวนมาก

หนังตัดภาพมายัง อีวา ฮามเนส (มายา ซาปาตา) เด็กสาววัย 16 สาวโรงงานผลิตโทรทัศน์แห่งหนึ่งในเมืองฮัวเรซที่กำลังเดินทางกลับบ้าน แต่ดูเหมือนอีวาจะไม่โชคดีเหมือนเด็กสาวคนอื่นๆ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นกับเธอ อีวาถูกคนขับรถโรงงานและชายอีกคนข่มขืนและพยายามฆ่าเธอ โดยฝังร่างของเธอเอาไว้ข้างถนน กลางทะเลทรายเหมือนกับศพผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ถูกข่มขืนและถูกก่อนหน้านี้ ฉากที่อีวาพยายามพยุงร่างและจิตใจที่บอบช้ำของตัวเองกลับบ้าน ในค่ำคืนที่มืดมิดรายล้อมไปด้วยทะเลทรายนับเป็นภาพที่สลดหดหู่เป็นที่สุด แม้อีวาจะมีชีวิตรอดแต่เมื่อเทียบกับสิ่งเธอเพิ่งเผชิญมาก็เหมือนกับการตกนรกทั้งเป็นที่เฝ้าหลอกหลอนเธอทุกค่ำคืน เรื่องราวเข้มข้นต่างๆ จึงเปิดฉากขึ้น

อีกฟากของสหรัฐ ลอเรน เอเดรียน(เจนนิเฟอร์ โลเปซ) นักข่าวสาวผู้มีความทะเยอทะยานซึ่งทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่งในสหรัฐ แม้ภายนอกของเธอจะแสดงออกมาเป็นสาวมั่นและปกปิดเชื้อชาติความเป็นเม็กซิกันของตัวเอง แต่ภายในใจของเธอลึกๆ กลับอ่อนแอและไม่เคยลืมภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กที่ขมขื่นหลังพ่อแม่ของเธอถูกฆ่าตายได้ ลอเรนถูกส่งตัวให้ไปเขียนข่าวเกี่ยวกับการฆาตกรรมหญิงสาวและการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของหญิงสาวนับร้อยในเมืองฮัวเรซ  ซึ่งถ้าหากทำงานชิ้นนี้ได้สำเร็จ เธอจะได้เป็นนักข่าวต่างประเทศทันที การเดินทางมาที่ฮัวเรซครั้งนี้ได้ให้ลอเรนพบกับอาพาโซ ดิแอช (แอนโตนิโอ บันเดอราส) เพื่อนร่วมงานและคนรักเก่าในอดีตอีกครั้ง ซึ่งดิแอชทำงานเป็นบรรณาธิการของสำนักข่าวท้องถิ่นในเมืองฮัวเรซ ลอเรนได้ขอให้ดิแอชช่วยเธอในการหาข้อมูลเขียนข่าวครั้งนี้

แม้ดิแอชจะไม่เต็มใจช่วยลอเรนในตอนแรกเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของลอเรนและตัวเขา เนื่องจากรัฐบาลเม็กซิโกไม่ต้องการให้นักข่าวเขียนข่าวเกี่ยวกับการฆาตกรรมหญิงสาวในพื้นที่ แต่ในท้ายที่สุดเขาจำต้องให้ความช่วยเหลือลอเรนเมื่อทั้งสองได้พบกับอีวา หญิงสาวคนเดียวที่รอดชีวิตจากการถูกข่มขืนและไม่มีที่พึ่ง รัฐบาลเม็กซิโกและรัฐบาลสหรัฐไม่ต้องการให้โลกรับรู้ว่า มีหญิงสาวโรงงานจำนวนมากถูกข่มขืนและถูกสังหารในเมืองฮัวเรซเพื่อผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจเช่นเดียวกับบริษัทและโรงงานต่างๆ ที่ได้รับผลประโยชน์ด้วย เพราะไม่ต้องเสียเงินที่จะนำมารักษาความปลอดภัยให้กับแรงงานหญิงเหล่านั้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่อีวาไม่กล้าไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ แต่เลือกที่จะมาขอความช่วยเหลือกับดิแอชและลอเรนแทน

ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามล่าตัวอีวาเพื่อปิดปากเรื่องที่เธอถูกข่มขืน ด้านลอเรนพยายามสืบหาคนร้ายที่ข่มขืนและพยายามฆ่าอีวา แต่ในเวลาเดียวกันเธอได้ค้นพบว่า ยังมีหญิงสาวอีกเป็นจำนวนกว่าห้าพันคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับอีวา หญิงสาวเหล่านั้น ถูกข่มขืนและฆ่าโดยฝีมือของผู้ชายในเมืองฮัวเรซ ซึ่งอาจจะเป็นใครก็ได้ ตั้งแต่คนธรรมดาสามัญไปจนถึงผู้มีอิทธิพลในเมืองฮัวเรซ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ไม่ทำอะไรเลย ซึ่งมีฉากที่พ่อแม่ของเหยื่อต้องขุดหาร่างของลูกสาวด้วยตัวเอง ยิ่งกว่านั้นลอเรนสืบรู้มาว่า หนึ่งในผู้ร้ายที่ข่มขืนอีวาเป็นเจ้าของโรงงานในพื้นที่ที่ชื่อไอริส แต่ยิ่งลอเรนรู้ความจริงมากเท่าไหร่ อันตรายยิ่งคืบคลานเข้ามาหาทั้งตัวเธอ ดิแอช และอีวามากขึ้นเท่านั้น

แต่ลอเรนก็ไม่ได้หวั่นกลัวอันตรายรอบตัว เธอตัดสินใจปลอมตัวเป็นสาวโรงงานเพื่อหลอกล่อจับตัวคนร้ายที่ข่มขืนอีวามาลงโทษให้ได้  จนสามารถจับตัวคนขับรถโรงงาน หนึ่งในผู้ที่ข่มขืนอีวา การช่วยเหลืออีวาครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่สูญเปล่า เพราะมันทำให้ลอเรนค้นพบตัวเองและยอมรับความเป็นเม็กซิกันของเธอมากขึ้น เหมือนเรื่องราวจะดำเนินและคลี่คลายด้วยดี ลอเรนเดินทางกลับสหรัฐเพื่อตีพิมพ์เรื่องราวทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองฮัวเรซในขณะที่อีวาเตรียมขึ้นศาลฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่ข่มขืนเธอ แต่เรื่องราวไม่ได้จบอยู่เพียงแค่นั้น เมื่อลอเรนต้องพบกับความผิดหวังหลังจากเดินทางกลับสหรัฐ เพราะเรื่องราวการฆาตกรรมในเมืองฮัวเรซที่เธอเขียนจะไม่ถูกตีพิมพ์ออกสู่สาธารณชน เนื่องจากทางการสหรัฐได้สั่งห้ามพิมพ์เรื่องดังกล่าวเพราะอาจจะส่งผลกระทบทางธุรกิจ โดยยื่นข้อเสนออาชีพนักข่าวต่างประเทศให้กับลอเรน แต่ท้ายที่สุดลอเรนเลือกที่จะยืนอยู่ตรงความถูกต้องและความชอบธรรม เธอยอมลาออกจากอาชีพนักข่าวมุ่งหน้าสู่เมืองฮัวเรซอีกครั้ง  แต่การกลับมาที่ฮัวเรซครั้งนี้ กลับยิ่งทำให้ลอเรนผิดหวังมากยิ่งกว่า เมื่อเธอพบว่าดิแอชถูกฆ่าตายเพราะช่วยเหลือเธอในการเขียนข่าวครั้งนี้

ขณะที่อีวาได้หนีไปสหรัฐเนื่องจากหวั่นคนร้ายที่เหลือจะทำร้ายเธอ แต่อีวา ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐจับตัวและถูกส่งกลับเม็กซิโกหลังจากเธอหนีไปได้ไม่นาน และโชคชะตาก็นำพาให้ลอเรนและอีวาได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่ลอเรนกำลังจะถูกชายที่ชื่ออาริสฆ่า ซึ่งเป็นคนร้ายอีกคนที่ข่มขืนอีวา ท้ายสุดอีวาสามารถช่วยชีวิตลอเรนไว้ได้ ส่วนอาริสถูกไฟครอกตายในระหว่างที่ต่อสู้กับอีวาและลอเรน ขณะที่คนร้ายที่เป็นคนขับรถโรงงานถูกลงโทษตามกฎหมาย อีวาได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ส่วนลอเรนผันตัวเองมาทำงานแทนดิแอชที่เสียชีวิตไป และเขียนบอกเล่าเรื่องราวความจริงให้โลกได้รับรู้ แต่น่าเศร้าที่หญิงสาวในเมืองฮัวเรซก็ยังคงถูกข่มขืนและถูกสังหารอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้

นอกจากการลำดับเรื่องที่ทำได้ดีแล้ว การถ่ายทอดภาพออกมาในมุมมองของผู้กำกับยังสวยยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน พร้อมกับเสียงดนตรีที่ฟังแล้วเศร้าจับใจ นอกจากนี้ บางฉากยังสื่อให้เห็นถึงสภาพสังคมของผู้คน ในเม็กซิโกที่ต้องดิ้นรนมาหาศาลในการดำเนินชีวิต การถูกเอารัดเอาเปรียบจากรัฐบาลของตัวเอง หน่วยงานของรัฐและคนในเครื่องแบบ หรือแม้กระทั่งความแตกต่างของกฎหมายที่ใช้กับคนรวยและคนจน โดยหนังยังสื่อให้เห็นว่า มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาเองก็มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์จากเพื่อนบ้านโดยไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและความถูกต้อง

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับหญิงสาวในเมืองฮัวเรซในขณะนี้ กำลังเกิดขึ้นกับแรงงานหญิงข้ามชาติจากพม่าที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาครที่พบว่า แรงงานหญิงจากพม่าถูกข่มขืนเฉลี่ยเดือนละ 2 คนจากแก๊งวัยรุ่นในพื้นที่ระหว่างเดินทางไปหรือกลับจากที่ทำงาน หญิงสาวบางคนถูกข่มขืนคาห้องพักของตัวเองด้วยซ้ำ บางรายอาจถึงขั้นโดนทำร้ายร่างกายและถูกฆ่าโดยที่พวกเธอเหล่านั้นไม่กล้าที่จะเปิดปากหรือร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะอาจซวยซ้ำถูกจับตัวส่งกลับประเทศ ยิ่งถ้าเป็นแรงงานหญิงที่ลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายแล้ว เสียงเรียกของพวกเธอยิ่งเงียบหายไปในก้นบึ้งของความมืด


ตราบที่ทางการไทยยังคิดแต่จะหาผลประโยชน์จากแรงงานหญิงพม่า โดยที่ไม่มองเห็นคุณค่าในตัวพวกเขาตามหลักมนุษยธรรมที่ควรมีและควรปฏิบัติ ตราบนั้นแรงงานหญิงจากพม่าอีกจำนวนมากก็จะตกเป็นเหยื่อของการละเมิดทางเพศอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เช่นเดียวกับ ผู้หญิงในเมืองฮัวเรซ
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น